ความสำคัญของการลงทุน และความสำคัญของงบการเงิน (งบดุล) คืออะไร

ความสำคัญของการลงทุน และความสำคัญของงบการเงิน (งบดุล) คืออะไร



นักลงทุนควรที่ความสำคัญกับการทำความเข้าใจในงบการเงินของกิจการ โดยนักลงทุนจะต้องทราบถึงความสำคัญของงบการเงิน ว่ามีความสำคัญอย่างไร เพราะข้อมูลในงบการเงินของแต่ละกิจการนั้น จะสามารถบ่งชี้ให้เราทราบถึงโอกาสในการลงทุนโดยดูจากข้อมูลภายใน
บการเงินนั้นๆ งบการเงินของบริษัท ซึ่งในบทความนี้ผู้เขียนต้องการที่จะกล่าวถึง สาระสำคัญของงบการเงินที่นักลงทุนควรที่จะต้องพิจารณา โดยมีด้วยกันอยู่ 2 รายงาน และ 3 งบ ดังนี้

1. งบแสดงฐานะการเงิน หรือ งบดุล (Balance Sheet) สามารถระบุถึงความมั่งคั่งของสินทรัพย์ หากบริษัทไหนมีโครงสร้างของงบดุลที่แข็งแรง สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในระยะยาว
สินทรัพย์ จะแบ่งเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนเป็นสินทรัพย์ที่แปลงเป็นเงินได้ใน 1 ปี โดยหลัการ คือ เงินสด ลูกหนี้ สินค้าคงคลัง และสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนที่ใช้เวลาแปลงเป็นเงินมากกว่า 1 ปี เช่น ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์

หนี้สิน ตามหลักบัญชีแล้ว จะแบ่งออกเป็นหนี้สินหมุนเวียนกับ เป็นหนี้สินที่ต้องใช้ใน 1 ปี กับ หนี้สินไม่หมุนเวียนที่เป็นหนี้สินที่ชำระตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นไป เมื่อแบ่งชนิดของสินทรัพย์และหนี้สินหมุนเวียนและไม่หมุนเวียนแล้ว เราจะสามารถมองเห็นถึงสภาพคล่องของบริษัท เพราะธุรกิจควรมีสินทรัพย์หมุนเวียน (เงินสดหรือลูกหนี้) มากกว่าหนี้สินระยะสั้น (เงินกู้ระยะสั้นที่ต้องชำระคืนภายใน 1 ปี)

ส่วนของเจ้าของ กำไรสะสม เป็นเงินทุนเริ่มแรกบวกกับกำไรสุทธิที่เกิดจากการทำมาหากินของบริษัท ตั้งแต่เริ่มตั้งบริษัทจนถึงปัจจุบัน หากบริษัทมีกำไรสะสมมาก ก็แสดงถึงสามารถในการทำมาหากินที่มีประสิทธิภาพและโอกาสในการปันผลสูง

หากต้องการทราบถึงความมั่นคงของกิจการ สามารถดูจากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน หากธุรกิจมีหนี้สินจำนวนมากแต่ส่วนของเจ้าของน้อยจะถือว่าไม่ดี ยิ่ง “หนี้น้อยส่วนของทุนหนา” ก็จะยิ่งดูดี ดังนั้นอัตราส่วนนี้จะต้องไม่เกิน 2 เท่า

2. งบกำไรขาดทุน (Income Statement) สามารถระบุถึงผลการดำเนินงานของบริษัท โดยเราต้องการหุ้นที่ รายได้เพิ่มต่อเนื่องหรือไม่ หรือมีกำไรเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด เราจะต้องคำนึงถึงทั้ง รายได้ และ กำไรสุทธิ ซึ่งทั้งสองตัวเลขนี้ ต้องเป็นบวกและควรจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หรือไตรมาสที่แล้ว และโฟกัสไปที่ ค่าใช้จ่าย ของบริษัทด้วย ว่ามีต้นทุนและค่าใช้จ่ายการขายและบริหารลดลงหรือไม่ สุดท้ายนี้การจะมีกำไรสุทธิเพิ่มควรจะมาจาก รายได้เพิ่ม ไม่ควรมาจากการลดต้นทุนเพียงอย่างเดียวเพราะจะเป็นการเพิ่มกำไรที่ไม่ยั่งยืน

3. งบกระแสเงินสด  ทำให้รูุ้ถึงสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ทำให้บริษัทสามารถใช้ในการวางแผนการเงินในอนาคตเนื่องจากงบกระแสเงินสดจะแสดงให้ทราบถึงที่มาที่ไปของเงินสดว่า บริษัทได้รับ หรือ จะต้องจ่ายเงินสดจากแหล่งใด เป็นจำนวนเท่าใด

4. หมายเหตุประกอบงบการเงิน ใช้ดูขยายความรายการต่างๆของงบที่พูดมาด้านบน รวมถึงดูคดีความฟ้องร้อง และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

5. รายงานของผู้สอบบัญชี   งบการเงินจะต้องได้รับการตรวจสอบจากผู้สอบบัญชีรับอนุญาต ซึ่งเป็นผู้ประกอบวิชาชีพภายใต้การกำกับดูแลของสภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ และเป็นผู้แสดงความเห็นต่องบการเงินที่ตรวจสอบว่า งบการเงินนั้นถูกต้องตามควรในสาระสำคัญ และได้จัดทำตามมาตราฐานการรายงานทางการเงินหรือไม่ มีข้อบ่งชี้ในเรื่องความผิดปกติที่ผู้วิเคราะห์งบการเงินควรให้ความสนใจเป็นพิเศษหรือไม่

โดยปกติแล้วหากเราจะทำงบการเงินที่เก็บตัวเลขมาลงใน excel จะทำให้เกิดความผิดพลาดสูง ดังนัั้นองค์กรควรมองเห็นความสำคัญกับซอฟต์แวร์บัญชี #Winspeed ในการทำงบการเงินเพื่อความถูกต้อง  

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!!

 918
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ตราประทับบริษัทสูญหาย หรือชำรุด หรือต้องการเปลี่ยนรูปแบบใหม่ จะต้องทำอย่างไร
การวางแผนภาษีสิ้นปีเป็นกระบวนการในการจัดการเรื่องการเงินเพื่อผลประโยชน์ทางภาษีประจำปีที่ดีที่สุด ซึ่งรวมถึงการกำหนดเวลาการขายการซื้อหรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างเพื่อให้สามารถดำเนินการในกรอบเวลาที่ดีที่สุด การชะลอการกระทำหรือสร้างความมั่นใจว่ากิจกรรมบางอย่างเกิดขึ้นก่อนสิ้นปีจะมีผลอย่างมากต่อการเรียกเก็บภาษี มีปัจจัยภายในและภายนอกหลายประการที่อาจส่งผลกระทบต่อการวางแผนภาษีสิ้นปีเช่นกัน
การเปิดสำนักงานบัญชีถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เป็นที่ผู้ทำงานในวิชาชีพบัญชีหลายๆ ท่านกำลังให้ความสนใจ เพราะธุรกิจนี้เริ่มได้ง่ายๆ ทำเงินได้สม่ำเสมอ และที่สำคัญ Demand ความต้องการของผู้ทำบัญชีนั้นนับวันก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ตามจำนวนนิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย 
สำหรับ "บริษัทจำกัด" ที่มีวันสิ้นรอบปีบัญชี คือ 31 ธันวาคม 2566 จะต้องปิดงบการเงิน ยื่นงบการเงิน และยื่นภาษีบริษัทประจำปี ภายในวันสุดท้ายดังนี้
 ใครที่เป็นนักบัญชีคงรู้ว่า ในหน้าที่การงานที่เกี่ยวกับบัญชีที่ตนรับผิดชอบอยู่นั้นจะพบว่าต้องเกี่ยวข้องกับกฎหมายหลายๆฉบับอย่างไม่น่าเชื่อ ที่ใกล้ตัวที่สุดน่าจะเป็น (๑) ประมวลรัษฎากร กฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร ตามมาด้วย (๒) ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยเฉพาะในบรรพ 3 ในหมวดว่าด้วย “บริษัท” (๓) พระราชบัญญัติการบัญชี พ.ศ. 2543 (๔) พระราชบัญญัติวิชาชีพบัญชี พ.ศ. 2547 (๕) พระราชบัญญัติประกันสังคม และ (๖) พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ที่เรียกกันสั้นๆว่ากฎหมายแรงงาน)

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์