ประกันสังคม แต่ละมาตราแตกต่างกันอย่างไร

ประกันสังคม แต่ละมาตราแตกต่างกันอย่างไร


ประกันสังคมถือเป็นสิ่งที่นายจ้างและลูกจ้างในทุก ๆ บริษัทจำเป็นที่จะต้องดำเนินการส่งเงินสมบทบเข้ากองทุนประกันสังคมทุกเดือน โดยหักจากเงินเดือนจำนวน 5 % หรือไม่เกิน 750 บาท เพื่อเป็นหลักประกันในการดำรงชีวิตและได้รับสวัสดิการที่รัฐมอบให้ เมื่อเกิดกรณีที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นแล้วจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็น กรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย, กรณีคลอดบุตร, กรณีทุพพลภาพ, กรณีเสียชีวิต, กรณีสงเคราะห์บุตร, กรณีชราภาพ หรือกรณีว่างงาน 

ทั้งนี้ประกันสังคมนั้นมีอยู่ทั้งหมด 3 มาตรา โดยแบ่งออกเป็น มาตรา 33 มาตรา 39 และ มาตรา 40 ซึ่งในแต่ละมาตราก็จะแตกต่างกันออกไปทั้งคุณสมบัติของผู้ประกันตนและสวัสดิการต่าง ๆ ที่จะได้รับจากประกันสังคม
 

มาตรา 33 คืออะไร และ ได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง

มาตรา 33 คือ เป็นลูกจ้างที่ทำงานอยู่ในสถานประกอบการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 1 คนขึ้นไป ซึ่งมีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ และอายุไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์เท่านั้น

สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ

คุ้มครองทั้งหมด 7 กรณีดังนี้

    • เจ็บป่วย
    • คลอดบุตร
    • ทุพพลภาพ
    • เสียชีวิต
    • สงเคราะห์บุตร
    • ชราภาพ
    • ว่างงาน

มาตรา 39 คืออะไร และ ได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง

มาตรา 39 คือ เคยเป็นผู้ที่อยู่ในมาตรา 33 มาก่อน ทั้งนี้ได้มีการสมทบเงินมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือนและออกจากงานไม่เกิน 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ลาออกจากงาน

สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ 

คุ้มครองทั้งหมด 6 กรณีดังนี้

    • เจ็บป่วย
    • คลอดบุตร
    • ทุพพลภาพ
    • เสียชีวิต
    • สงเคราะห์บุตร
    • ชราภาพ

มาตรา 40 คืออะไร และ ได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้าง

มาตรา 40 คือ บุคคลที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน 60 ปีบริบูรณ์ ซึ่งทำงานโดยไม่มีนายจ้าง 

สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ 

คุ้มครองทั้งหมด 3-5 กรณีขึ้นอยู่กับทางเลือก ดังนี้

    • เงินทดแทนการขาดรายได้
    • ทุพพลภาพ
    • ตาย
    • สงเคราะห์บุตร
    • ชราภาพ (บำเหน็จ)
ที่มา : bestreview.asia,ประกันสังคม
 575
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำไมผู้ประกอบการต้องรู้กฎหมายแรงงานที่เกี่ยวข้องกับเวลาในการทำงาน เช่น การทำงานล่วงเวลา การทำงานนอกเหนือจากเวลางานหรือกระทั่งการทำงานเป็นกะ เพราะเป็นกฎหมายที่ออกมาคุ้มครองลูกจ้างในฐานะผู้ใช้แรงงานให้ได้รับความเป็นธรรมและไม่ถูกนายจ้างเอารัดเอาเปรียบเกินสมควร และกำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลาการทำงาน หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า การทำโอที (Overtime: OT) แก่ลูกจ้าง
งานที่ปรึกษาทางธุรกิจ ไม่ใช่งานที่จะมีบรรจุเป็นหลักสูตรสาขาเหมือนสาขาบัญชี สาขาคอมพิวเตอร์ งานประเภทนี้จะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญหลายๆด้านรวมกัน ดังนั้นทางเดินของสายอาชีพนี้ไม่อาจจะตายตัวได้ แต่อย่างไรก็ตามทุกอาชีพมีโอกาสเติบโต โดยส่วนใหญ่อาชีพนี้จะเริ่มจากการเป็นนักวิเคราะห์ ทำ Data Collection หรือ ทำ Research และ พัฒนากับทีมโปรแกรมเมอร์ ต่อมาอาจจะเป็น Consultant เพื่อหาแนวทางในการขับเคลื่อนองค์กรโดยรวม พร้อมทั้งสร้างโครงสร้างทีแข็งแกร่ง ส่วนขั้นตอนต่อๆไป คือ Senior Consultant เนื่องจากได้สะสมประสบการณ์มาแล้วได้เวลาเติบใหญ่เป็นหัวหน้าทีม จนสุดของเส้นทางคือเป็น Principal / Director นั่นเอง อาจต้องใช้เวลาซักนิดแต่ผลลัพธ์นั้นคุ้มค่าแรงกายแน่นอน ในบทความนี้จะพูดถึง คุณสมบัติของที่ปรึกษาทางธุรกิจ ที่ควรมีอะไรบ้าง
Consultant ( Business Consultant ) หรือ ที่ปรึกษาทางธุรกิจ คือการที่ให้คำปรึกษาต่อธุรกิจนั้นๆ เช่น การเพิ่มยอดขาย การทำกำไร ลดรายจ่าย รวมทั้งต้องวิเคราะห์หาวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆให้กับธุรกิจอีกด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วมีเป้าหมายคือการที่ช่วยให้องค์กรพัฒนาไปในทางที่ดี ไปเติบโตเป็นธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืน
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าระบบบัญชีเงินเดือนคืออะไร ระบบจัดการบัญชีเงินเดือนเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการติดตามบันทึกทางการเงินของพนักงาน และดำเนินการตามขั้นตอนการบริหาร ไม่เพียงแต่ติดตามเงินเดือนของพนักงาน แต่ยังมีเรื่องของโบนัส การหักเงิน และสิ่งจูงใจที่ได้รับ
ผู้ประกันตนแต่ละมาตราที่ส่งเงินสมทบประกันสังคม สามารถคัดสำเนาการนำส่งเงินสมทบ เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีประจำปีได้ โดยแต่ละมาตราจะลดหย่อนได้สูงสุดเท่าไหร่ เช็คได้ที่นี่เลย
ในยุคที่มิจฉาชีพพร้อมเข้าถึงคุณทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ ข้อความ SMS รวมถึงลิงก์ต่าง ๆ ตามเว็บบราวเซอร์ในอินเทอร์เน็ต เอาว่าแค่กด 1 ครั้งชีวิตก็เป็นหนี้ได้ จะเห็นว่ากลโกงต่าง ๆ ขยับเข้ามาอยู่รอบตัวเรามากขึ้น รันทุกวงการ ไม่เว้นแม้กระทั่งประกาศงานปลอม ทำอะไรก็ต้องระแวดระวังไปหมด อันไหนจริงอันไหนปลอม เราเองในฐานะผู้สมัครงานจำต้องมีสติและวิจารณญาณที่ดีอยู่เสมอ

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์