ข้อควรระวัง! หากกิจการโดนสำนักงานบัญชีโกงภาษี พร้อมวิธีรับมือ

ข้อควรระวัง! หากกิจการโดนสำนักงานบัญชีโกงภาษี พร้อมวิธีรับมือ



ข้อควรระวัง! หากกิจการโดนสำนักงานบัญชีโกงภาษี พร้อมวิธีรับมือ

การจ้างสำนักงานบัญชีเพื่อช่วยจัดการเรื่องภาษีและบัญชีเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการ SMEs แต่ก็มีความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการต้องระวังในการเลือกสำนักงานบัญชี โดยเฉพาะความเสี่ยงที่สำนักงานบัญชีอาจมีพฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์หรือโกงภาษี ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจของคุณได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ข้อควรระวังในการจ้างสำนักงานบัญชีมีอะไรบ้าง

  1. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของสำนักงานบัญชี
  • ใบอนุญาตและการรับรอง: ตรวจสอบว่าสำนักงานบัญชีมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพและได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาวิชาชีพบัญชี
  • ประวัติและชื่อเสียง: ศึกษาประวัติการทำงานและชื่อเสียงของสำนักงานบัญชี ตรวจสอบว่ามีลูกค้ารายอื่นๆ ที่เคยได้รับบริการแล้วมีปัญหาหรือไม่
  • รีวิวและคำแนะนำ: ค้นหาคำวิจารณ์หรือคำแนะนำจากลูกค้ารายอื่นๆ ที่เคยใช้บริการ ซึ่งสามารถช่วยให้คุณเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับสำนักงานบัญชีนี้
  1. สัญญาว่าจ้างที่ชัดเจน
  • รายละเอียดการให้บริการ: ระบุรายละเอียดการให้บริการในสัญญาว่าจ้างอย่างชัดเจน เช่น การจัดทำบัญชี การยื่นภาษี การตรวจสอบบัญชี รวมถึงค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข: ตรวจสอบข้อกำหนดและเงื่อนไขในสัญญาให้ละเอียด โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับความรับผิดชอบหากมีการทำผิดพลาดหรือโกงภาษี
  1. การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด
  • การตรวจสอบข้อมูล: ควรตรวจสอบข้อมูลบัญชีและภาษีที่สำนักงานบัญชีจัดทำให้เป็นระยะๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการบิดเบือนข้อมูลหรือการทำบัญชีที่ผิดปกติ
  • การรักษาความโปร่งใส: เก็บหลักฐานและเอกสารทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงินไว้ให้ครบถ้วนและเป็นระบบ เพื่อใช้ตรวจสอบได้ในอนาคต
  1. สัญญาณเตือนของการโกงภาษี
  • ข้อเสนอที่ดูดีเกินจริง: หากสำนักงานบัญชีเสนอการประหยัดภาษีที่ดูเหมือนง่ายเกินไป หรือการใช้วิธีที่ไม่น่าเชื่อถือ อาจเป็นสัญญาณว่ากำลังมีการโกงภาษี
  • การหลีกเลี่ยงคำอธิบาย: หากสำนักงานบัญชีไม่สามารถอธิบายรายละเอียดการจัดทำบัญชีหรือการยื่นภาษีให้เข้าใจได้อย่างชัดเจน อาจมีความเสี่ยงที่จะมีการกระทำผิดกฎหมาย
  • การขาดความโปร่งใส: หากสำนักงานบัญชีปฏิเสธที่จะให้คุณตรวจสอบเอกสารหรือข้อมูลทางการเงิน นั่นอาจเป็นสัญญาณของการปกปิดข้อมูล
  1. ผลกระทบทางกฎหมาย
  • ความรับผิดชอบทางกฎหมาย: หากเกิดกรณีที่สำนักงานบัญชีโกงภาษี คุณในฐานะเจ้าของกิจการอาจต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย เช่น การเสียค่าปรับ การถูกดำเนินคดีทางอาญา หรือการถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจ
  • ความเสื่อมเสียชื่อเสียง: กิจการของคุณอาจได้รับผลกระทบทางชื่อเสียง ซึ่งอาจทำให้สูญเสียลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ
  1. การป้องกัน
  • ใช้บริการสำนักงานบัญชีที่มีมาตรฐานสูง: เลือกสำนักงานบัญชีที่มีความเชี่ยวชาญและปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพบัญชีอย่างเคร่งครัด
  • การฝึกอบรมภายใน: ฝึกอบรมพนักงานภายในองค์กรให้มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการบัญชีและภาษี เพื่อให้สามารถตรวจสอบการทำงานของสำนักงานบัญชีได้

การระมัดระวังในเรื่องเหล่านี้จะช่วยปกป้องธุรกิจของคุณจากความเสี่ยงในการใช้บริการสำนักงานบัญชี และลดโอกาสในการเผชิญกับปัญหาทางกฎหมายและการเงินในอนาคต

 

แนวทางรับมือหากกิจการโดนสำนักงานบัญชีโกงภาษี

หากคุณพบว่าสำนักงานบัญชีที่จ้างมาโกงภาษีหรือมีพฤติกรรมที่ไม่ซื่อสัตย์ในการจัดการภาษีของกิจการ การรับมือกับสถานการณ์นี้เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วและรอบคอบ แนวทางในการรับมือมีดังนี้:

  1. รวบรวมหลักฐาน
  • เก็บเอกสารทุกอย่าง: รวบรวมเอกสารและหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการโกงภาษี เช่น งบการเงิน รายงานภาษี ใบเสร็จรับเงิน และการติดต่อกับสำนักงานบัญชี
  • บันทึกเหตุการณ์: จดบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด รวมถึงวันที่และการกระทำของสำนักงานบัญชีที่สงสัยว่าเป็นการโกง
  1. หยุดการทำงานกับสำนักงานบัญชี
  • ยกเลิกสัญญา: หยุดการทำงานกับสำนักงานบัญชีทันที โดยยกเลิกสัญญาและแจ้งให้สำนักงานบัญชีทราบถึงสาเหตุการยกเลิก
  • แจ้งความและดำเนินคดี: หากพบว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย ควรแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมสรรพากร หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (หากเกี่ยวข้อง)
  1. ขอคำปรึกษาทางกฎหมาย
  • ติดต่อทนายความ: ขอคำปรึกษาจากทนายความที่มีความเชี่ยวชาญด้านภาษีและกฎหมายธุรกิจ เพื่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับขั้นตอนทางกฎหมายและสิทธิของคุณในกรณีนี้
  • พิจารณาการฟ้องร้อง: หากมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าถูกโกง อาจพิจารณาดำเนินการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายหรือดำเนินคดีทางอาญากับสำนักงานบัญชี
  1. ติดต่อกรมสรรพากร
  • แจ้งกรมสรรพากร: ติดต่อกรมสรรพากรทันทีเพื่อแจ้งเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และทำการแก้ไขรายงานภาษีที่ถูกโกง เพื่อป้องกันการถูกเรียกเก็บภาษีหรือค่าปรับเพิ่มเติม
  • ยื่นขอแก้ไขข้อมูล: ส่งเอกสารที่ถูกต้องและขอแก้ไขข้อมูลภาษีที่ถูกต้องตามกฎหมาย
  1. จัดการภายในองค์กร
  • ตรวจสอบการเงินภายใน: ทำการตรวจสอบการเงินภายในองค์กรโดยละเอียด เพื่อค้นหาว่ามีส่วนไหนที่อาจถูกโกงเพิ่มเติมหรือไม่
  • ฝึกอบรมพนักงาน: ฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับการตรวจสอบบัญชีและการป้องกันการทุจริต เพื่อเพิ่มความรู้และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก
  1. ปรับปรุงระบบการจัดการบัญชี
  • ใช้บริการสำนักงานบัญชีใหม่: เลือกสำนักงานบัญชีใหม่ที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  • เพิ่มการตรวจสอบภายใน: ปรับปรุงระบบการตรวจสอบบัญชีภายในองค์กร เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและลดความเสี่ยงในการเกิดการทุจริต
  • ใช้ซอฟต์แวร์บัญชี: พิจารณาใช้ซอฟต์แวร์บัญชีที่มีความปลอดภัยและช่วยในการติดตามข้อมูลทางการเงินได้อย่างแม่นยำ
  1. แจ้งเตือนผู้อื่น
  • แจ้งเตือนผู้ประกอบการรายอื่น: หากพบว่าสำนักงานบัญชีนี้มีพฤติกรรมไม่ซื่อสัตย์ ควรแจ้งเตือนผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในเครือข่ายของคุณเพื่อให้ระมัดระวัง
  • รายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง: ส่งรายงานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น สภาวิชาชีพบัญชี เพื่อให้พิจารณาดำเนินการกับสำนักงานบัญชีที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
  1. ป้องกันการเกิดซ้ำ
  • ปรับปรุงกระบวนการคัดเลือกสำนักงานบัญชี: เรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาและปรับปรุงกระบวนการคัดเลือกสำนักงานบัญชีในอนาคตให้รัดกุมยิ่งขึ้น
  • จัดการความเสี่ยง: จัดทำแผนการจัดการความเสี่ยงที่ครอบคลุมด้านการบัญชีและการเงิน เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

การดำเนินการตามแนวทางเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อธุรกิจของคุณในระยะยาว

 

 53
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การกำหนดมูลค่าลูกหนี้ เมื่อกิจการขายสินค้าและบริการควรจะรับรู้รายการและบันทึกบัญชีลูกหนี้ ณ วันใดด้วยจำนวนเงินเท่าใดขึ้นอยู่กับกำหนดเวลาที่ส่งมอบสินค้าหรือบริการและมูลค่าที่จะเกิดกับลูกค้าดูได้จากเอกสารคือใบกำกับสินค้า ในการกำหนดมูลค่าลูกหนี้ที่จะบันทึกควรพิจารณาถึงส่วนลด (Discounts) ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ
สินค้าขายได้ดีไหม เราถือสินค้าไว้นานเท่าไรกว่าจะขายได้ นักบัญชีจะช่วยเจ้าของธุรกิจวิเคราะห์สินค้าคงเหลือได้อย่างไรบ้าง
การวิเคราะห์งบกระแสเงินสด เป็นหนึ่งในเครื่องมือในการวิเคราะห์งบการเงินที่น่าสนใจอีกวิธีหนึ่ง นอกเหนือจากการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน หรือว่าการวิเคราะห์งบโดยวิธีแนวนอน วิธีแนวโน้ม  วิธีแนวตั้ง หรือวิเคราะห์ร้อยละของยอดรวม หลายๆ คนคงคุ้นเคยกับการวิเคราะห์งบกำไรขาดทุน และงบแสดงฐานะทางการเงินมาบ้างแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า หนึ่งในวิธีวิเคราะห์งบการเงินที่มีประโยชน์มากอีกวิธีหนึ่งก็คือ การวิเคราะห์กระแสเงินสด
เงินมัดจำ (อังกฤษ: earnest) คือ เงินหรือทรัพย์สินอย่างอื่นอันมีค่าในตัวซึ่งให้ไว้เพื่อเป็นพยานหลักฐานว่าได้มีการทำสัญญากันขึ้นแล้ว และเพื่อเป็นประกันการปฏิบัติตามสัญญานั้น
ลูกหนี้การค้า ถือเป็นหัวใจหลักที่กระทบกับสภาพคล่องของธุรกิจ ถ้าธุรกิจบริหารจัดการ ลูกหนี้การค้าไม่ดี ติดปัญหารายได้ค้างรับ คือขายของเป็นเงินเชื่อแล้วไม่สามารถเก็บเงินได้ ต้องเกิดบัญชีลูกหนี้การค้า ขึ้น หรือต้องแทงลูกหนี้การค้าเป็นหนี้สูญ  ธุรกิจมีปัญหาเงินขาดมือ ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเพื่อหมุนเงิน สุดท้ายส่งผลกระทบมายังนักลงทุนที่อาจไม่ได้รับเงินปันผล เนื่องจากบริษัทมีเงินสดขาดมือ ขาดสภาพคล่องในเรื่องของเงินทุนหมุนเวียน ดังนั้นนักลงทุนควรเลือกลงทุนกับบริษัทที่มีความสามารถในการจัดการหนี้สินได้เป็นอย่างดี
บัญชีที่ทำกันโดยทั่วไป ได้แก่ บัญชีเงินเดือน (payroll) การออกใบกำกับสินค้า (invoice) บัญชีลูกหนี้ (account receivable) การรับเงิน (cash receipts) บัญชีเจ้าหนี้ (account payable) การพิมพ์เช็คและหักบัญชี (check writing and reconciliation) เป็นต้น

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์