เหตุผลที่ผู้ประกอบการ เลือกใช้บริการรับทำเงินเดือน

เหตุผลที่ผู้ประกอบการ เลือกใช้บริการรับทำเงินเดือน


ผู้ประกอบการหลายๆท่านกำลังมองหา Solution งานบุคคลที่เกี่ยวกับการทำเงินเดือนให้กับบริษัทของท่านอยู่ ปัจจุบันหลายๆบริษัทเริ่มใช้บริการทำเงินเดือนจากบริษัทภายนอกด้วยหลายๆเหตุผลที่เเตกต่างกันออกไป ปัจจุบันการบริการรับทำเงินเดือนมีลักษณะการบริการที่ไม่ต่างกันมากนัก เหตุผลส่วนใหญ่ที่ผู้ประกอบการเลือกใช้บริการรับทำเงินเดือนจากบริษัทภายนอกโดยที่ไม่ต้องการให้พนักงานในบริษัทเป็นผู้ทำเงินเดือนนั้นอาจจะเกิดจากไม่ต้องการให้ข้อมูลเงินเดือนของพนักงานแต่ละคนนั้นเปิดเผยอาจจะทำให้การบริการงานภายในบริษัทเกิดความยากขึ้น หรือต้องการลดต้นทุนภายในองค์ที่ไม่ต้องการจ้างพนักงานเพิ่มเพื่อมาทำเงินเดือนเพียงอย่างเดียวเพราะการจ้างพนักงานหนึ่งคนเพิ่มขึ้นนั้นบริษัทอาจจะต้องต้นทุนการจ้างงานเพิ่มขึ้นทุกๆปี เช่น การปรับขึ้นเงินเดือนตามปีการทำงาน โบนัสประจำปี และสวัสดิการอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นต้นทุนที่จะต้องเกิดขึ้นเรื่อยๆทุกปี การใช้บริการรับทำเงินเดือนนั้นทำให้บริษัทของผู้ประกอบการนั้นเป็นการลดต้นทุนค่าดำเนินการได้เป็นอย่างมาก มาดูกันว่าเหตุผลอะไรบ้างที่ทำให้ผู้ประกอบการจึงหันมาเลือกใช้บริการรับทำเงินเดือนให้กับบริษัทของผู้ประกอบ


1.พนักงานที่ทำเงินเดือนลาออก
พนักงานคนที่ทำงานเงินเดือนนี้ ส่วนมากแล้ว ถ้าหากว่าเป็นองค์กรขนาดกลางเล็กแล้ว จะใช้คนที่ไว้ใจได้เป็นหลักในการทำเงินเดือน หรือ แย่กว่านั้นคือ ตัวเจ้าของเองไม่สามารถไว้ใจคนอื่นทำได้ทำให้เลือกตัดสินใจว่า ฉัน จะเป็นคนทำเงินเดือนเอง ซึ่งจริงๆแล้วกิจกรรมที่เกี่ยวกับเงินเดือนนั้นมิได้มีแค่ส่วนของการคำนวณเงินเดือนเท่านั้น ยังมีส่วนอื่นๆที่ต้องทำตอนที่พนักงานเข้าออก เปลี่ยนสถานะที่เกี่ยวข้องกับภาษี และ ส่วนที่เกี่ยวกับกฏหมายแรงงานอื่นๆ อีกด้วย แน่นอนว่า หากเจ้าของเลือกที่จะทำเงินเดือนเองจะทำให้เสียโอกาสในการประกอบกิจกรรมอื่นๆที่เป็นผลสร้างรายได้ให้กับองค์กร เพราะ การทำเงินเดือนและเอกสารที่เกี่ยวเนื่องทั้งหมด มิได้เป็นแก่นของธุรกิจแต่อย่างใด

2.มีการเติบโตของธุรกิจสูงมากทำให้ไม่สามารถรับคนเข้ามาทำเรื่องระบบเงินเดือนได้ทัน
เงินเดือนนั้นจะต้องทำทุกเดือนและมีความสำคัญยิ่งยวดสำหรับองค์กร ไม่สามารถทำล่าช้าออกไป หรือประวิงเวลาต่อรองกับพนักงานได้เพราะอาจจะมีผลกระทบต่อเนื้องานที่พนักงานเข้ากระทำอยู่ในแต่ละหน้าที่ ดังนั้นแล้ว หากองค์กรนั้นมีการขยายตัวเป็นอย่างมาก แน่นอนว่า พนักงานที่ทำเงินเดือน (หรือจะเป็นเจ้าของเองก็ตามที่ทำเงินเดือนพนักงาน) จะไม่สามารถรองรับโหลดการทำเงินเดือนทั้งหมดได้ทำเพียงพอกับจำนวนพนักงานที่มีการขยายตัวมากขึ้นกว่าเดิมมาก ทำให้จำเป้นต้องมองหาบริการทำเงินเดือนจากภายนอกเพื่อลดภาระและลดความเสี่ยงในเรื่องการทำเงินเดือนที่ทันในองค์กรของตนออกไป

3.พนักงานที่ทำเรื่องเงินเดือนกระทำการทุจริตร่วมกับพนักงานรายอื่นๆ
พนักงานที่ทำเงินเดือนจะต้องเป็นพนักงานที่ไว้ใจได้ เทียบเท่าความสำคัญและความไว้ใจได้เท่ากับระดับแผนกจัดซื้อเลยก็ว่าได้ เพราะ ถ้าหากว่า มีพฤติกรรมทุจริตเมื่อใด จะสามารถจับได้ยากหากมิได้นำข้อมูลอื่นๆมาตรวจสอบข้ามระหว่างกัน เช่น พนักงานคนหนึ่งไม่มาทำงานทั้งอาทิตย์​แต่ระบบการลงเวลา ไม่สามารถตรวจสอบหรือเชื่อถือได้ เช่น พนักงานทำเงินเดือนสามารถปรับเปลี่ยนค่าเวลาของเครื่องลงเวลาได้เอง แล้วนำเข้าเพื่อให้ตนเองมีส่วนได้ส่วนเสียกับเงินดังกล่าว หรือ กรณีที่มักจะเกิดขึ้นได้บ่อย คือ การร่วมกับกินเวลาเงินโอทีขององค์กรในการทำงานนอกพื้นที่ เป็นต้น ที่พนักงานก็มองว่าเป็นเงินพิเศษโดยไม่ต้องลงแรงแต่อย่างใด เพียงแต่กระทำการทุจริตร่วมกับเจ้าหน้าที่ HR หรือคนที่ทำเงินเดือนก็สามารถกระทำการทุจริตนี้ได้แล้ว

4.พนักงานที่ทำเงินเดือนจะเห็นเงินเดือนผู้อื่นและยังผลให้เกิดความลำบากในการบริหารงาน
เงินเดือนถือได้ว่าเป็นข้อมูลที่มีผลกระทบกับการทำงานได้ หากข้อมูลนี้รั่วไหลให้คนอื่นในองค์กรทราบระหว่างกันจะทำให้เกิดปัญหาต่อองค์กรโดยเฉพาะในการบริหารงานเป็นหลัก พนักงานโดยปกติแล้วจะมีการกำหนดหลักการของตนเองขึ้นมา เช่น พนักงานที่เข้าก่อนน่าจะต้องมีเงินเดือนที่มากกว่า เมื่อพบทราบว่าพนักงานคนที่เข้าหลังตนมีเงินเดือนที่มากกว่าตน ก็จะทำให้ตนเองนั้นอาจจะตั้งแง่ในการทำงานให้ด้อยประสิทธิภาพลงไปได้ โดยไม่จำเป็น หรือ มีความรู้สึกน้อยใจในการทำงาน เป็นต้น ดังนั้นแล้ว หากข้อมูลเงินเดือนนั้นแสดงให้พนักงานได้เห็น อาจจะเกิดกรณีข้อมูลเงินเดือนรั่วไหลให้กับพนักงานคนอื่นๆได้และยังผลกระทบต่อการบริหารดังที่ได้ยกตัวอย่างเป็นต้น

5.พนักงานที่ทำเงินเดือนเป็นพนักงานที่ทำงานอื่นอยู่แล้ว
สำหรับองค์กรขนาดกลางเล็กนั้น มีแนวโน้มว่าพนักงานคนที่ทำเงินเดือนจะเป็นพนักงานที่ตัวเจ้าของไว้ใจและทำงานอื่นๆ ในหน้าที่อื่นๆอยู่ ซึ่งจำเป็นต้องรับงานคำนวณเงินเดือนและทำเอกสารอันเกี่ยวเนื่องกับเงินเดือนทั้งหมด ซึ่งพนักงานคนดังกล่าวอาจจะไม่ถนัดกับการทำงานแบบนี้มากนัก หรือ พนักงานคนดังกล่าวทำงานที่ตนเองถนัดได้ดีกว่า แต่ต้องเสียเวลามาทำกับเรื่องที่ตนเองมิได้ถนัดมากนัก แต่่จำเป็นต้องทำ (มีโอกาสผิดพลาด) และยังต้องรับผิดชอบในความผิดพลาดนั้นอีกต่างหาก

6.ไม่คุ้มที่จะจ้างพนักงานเพิ่มเพื่อเอามาทำเงินเดือนและเอกสารเกี่ยวเนื่องนี้
ยังมีอีกแนวคิดหนึ่งสำหรับองค์กรที่คิดว่าจะจ้างพนักงานเพิ่มก็จะมองว่าพนักงานที่จ้างมาเพิ่มนั้น จะทำงานเฉพาะในเวลาหนึ่งๆ ซึ่งเป็นงานที่ทำเฉพาะสัปดาห์ก่อนออกเงินเดือนเท่านั้น ซึ่งหากจ้างแบบนี้ก็ย่อมถือได้ว่าทำงานได้ไม่เต็มที่เว้นแต่จะต้องหางานอื่นๆเสริมเพิ่มเติมในอีกสามสัปดาห์ของการทำงานที่เหลือเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าในการจ้างตำแหน่งงานนี้เพิ่มขึ้นมากอีกหนึ่งตำแหน่ง นอกจากนี้ เมื่อจ้างพนักงานเป็นตำแหน่งขึ้นมาแล้ว จะทำให้ต้องจัดการทั้งส่วนของการปรับเงินเดือนค่าจ้าง และ ส่วนของสวัสดิการอื่นๆเช่นเดียวกัน ไม่เหมือนกับการ outsource งานออกไปซึ่งจะไม่ต้องทำการปรับเพิ่มหรือทำเรื่องสวัสดิการบุคคลแต่อย่างใด เพราะ เป็นเพียงการว่าจ้างองค์กรภายนอกเท่านั้น

7.เจ้าของขาดความรู้ความเข้าใจในเรื่องกฏหมายแรงงาน กองทุนประกันสังคมและเอกสารอื่นๆทางกฏหมายที่เกี่ยวกับค่าแรงและเงินเดือน
เนื่องจากองค์กรมีขนาดเล็ก หรือยังไม่คุ้มต่อการว่าจ้างเจ้าหน้าที่ที่มีประสบการณ์ในการทำเงินเดือน หรือเจ้าหน้าที่ HR เข้ามาบริหารงานบุคคลและเจ้าของเองก็มิได้มีีความเข้าใจในเรื่องกฏหมายแรงงาน ส่วนการขาดลามาสาย การกำกับการลาของพนักงาน กองทุนประกันสังคม และ การคำนวณเงินภาษีและกองทุนต่างๆที่เกี่ยวเนื่อง อีกทั้งยังต้องส่งเอกสารเหล่านั้นจะมีฟอร์มเพื่อส่งทางอิเล็คทรอนิกส์ ทำให้เจ้าขององค์กรลักษณะนี้ พึงเลือกใช้บริการรับทำเงินเดือนจากภายนอกเสียก่อนจะเหมาะมากกว่า เพื่อให้องค์กรเติบโตและมีความคุ้มค่าในการว่าจ้างเจ้าหน้าที่ทำเงินเดือนได้ในอนาคต่อไป อย่างไรก็ดี หากมีการว่าจ้างแล้วปัญหาก็จะไปตกในกรณีอื่นๆที่ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้น

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!!


ที่มา : www.timemint.co

 759
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำไมผู้ประกอบการต้องรู้กฎหมายแรงงานที่เกี่ยวข้องกับเวลาในการทำงาน เช่น การทำงานล่วงเวลา การทำงานนอกเหนือจากเวลางานหรือกระทั่งการทำงานเป็นกะ เพราะเป็นกฎหมายที่ออกมาคุ้มครองลูกจ้างในฐานะผู้ใช้แรงงานให้ได้รับความเป็นธรรมและไม่ถูกนายจ้างเอารัดเอาเปรียบเกินสมควร และกำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลาการทำงาน หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า การทำโอที (Overtime: OT) แก่ลูกจ้าง
งานที่ปรึกษาทางธุรกิจ ไม่ใช่งานที่จะมีบรรจุเป็นหลักสูตรสาขาเหมือนสาขาบัญชี สาขาคอมพิวเตอร์ งานประเภทนี้จะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญหลายๆด้านรวมกัน ดังนั้นทางเดินของสายอาชีพนี้ไม่อาจจะตายตัวได้ แต่อย่างไรก็ตามทุกอาชีพมีโอกาสเติบโต โดยส่วนใหญ่อาชีพนี้จะเริ่มจากการเป็นนักวิเคราะห์ ทำ Data Collection หรือ ทำ Research และ พัฒนากับทีมโปรแกรมเมอร์ ต่อมาอาจจะเป็น Consultant เพื่อหาแนวทางในการขับเคลื่อนองค์กรโดยรวม พร้อมทั้งสร้างโครงสร้างทีแข็งแกร่ง ส่วนขั้นตอนต่อๆไป คือ Senior Consultant เนื่องจากได้สะสมประสบการณ์มาแล้วได้เวลาเติบใหญ่เป็นหัวหน้าทีม จนสุดของเส้นทางคือเป็น Principal / Director นั่นเอง อาจต้องใช้เวลาซักนิดแต่ผลลัพธ์นั้นคุ้มค่าแรงกายแน่นอน ในบทความนี้จะพูดถึง คุณสมบัติของที่ปรึกษาทางธุรกิจ ที่ควรมีอะไรบ้าง
Consultant ( Business Consultant ) หรือ ที่ปรึกษาทางธุรกิจ คือการที่ให้คำปรึกษาต่อธุรกิจนั้นๆ เช่น การเพิ่มยอดขาย การทำกำไร ลดรายจ่าย รวมทั้งต้องวิเคราะห์หาวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆให้กับธุรกิจอีกด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วมีเป้าหมายคือการที่ช่วยให้องค์กรพัฒนาไปในทางที่ดี ไปเติบโตเป็นธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืน
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าระบบบัญชีเงินเดือนคืออะไร ระบบจัดการบัญชีเงินเดือนเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการติดตามบันทึกทางการเงินของพนักงาน และดำเนินการตามขั้นตอนการบริหาร ไม่เพียงแต่ติดตามเงินเดือนของพนักงาน แต่ยังมีเรื่องของโบนัส การหักเงิน และสิ่งจูงใจที่ได้รับ
ผู้ประกันตนแต่ละมาตราที่ส่งเงินสมทบประกันสังคม สามารถคัดสำเนาการนำส่งเงินสมทบ เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีประจำปีได้ โดยแต่ละมาตราจะลดหย่อนได้สูงสุดเท่าไหร่ เช็คได้ที่นี่เลย
ในยุคที่มิจฉาชีพพร้อมเข้าถึงคุณทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ ข้อความ SMS รวมถึงลิงก์ต่าง ๆ ตามเว็บบราวเซอร์ในอินเทอร์เน็ต เอาว่าแค่กด 1 ครั้งชีวิตก็เป็นหนี้ได้ จะเห็นว่ากลโกงต่าง ๆ ขยับเข้ามาอยู่รอบตัวเรามากขึ้น รันทุกวงการ ไม่เว้นแม้กระทั่งประกาศงานปลอม ทำอะไรก็ต้องระแวดระวังไปหมด อันไหนจริงอันไหนปลอม เราเองในฐานะผู้สมัครงานจำต้องมีสติและวิจารณญาณที่ดีอยู่เสมอ

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์