เงินค่าคลอดบุตร จากประกันสังคมคืออะไร

เงินค่าคลอดบุตร จากประกันสังคมคืออะไร


เงินค่าคลอดบุตรจากประกันสังคม หรือ เงินค่าคลอดประกันสังคม คือเงินสำหรับเบิกค่าคลอด ซึ่งจะใช้ได้ทั้งแบบผ่าคลอดและแบบคลอดตามธรรมชาติ ไม่คุณจะเลือกวิธีการคลอดแพงหรือแบบถูกประกันสังคมก็จะให้เบิกเงินได้จำนวน 13,000 บาท ต่อการคลอด 1 ครั้งเท่านั้น (หากคลอดลูกแฝดก็นับเป็น 1 ครั้ง แต่สำหรับเงินสงเคราะห์บุตรหากเป็นลูกแฝดจะได้ 2 เท่าค่ะ) และคุณจะได้เงินในส่วนนี้หลังจากคลอดบุตรไปแล้ว

ดังนั้นค่าใช้จ่ายระหว่างที่ฝากครรภ์ไปจนถึงการผ่าคลอดหรือทำคลอดนั้น คุณจะต้องเป็นคนจ่ายเองก่อนทั้งหมด และประกันสังคมจะจ่ายให้หลังจากนั้นที่เดียวแบบเต็มจำนวน 13,000 บาท และนี่ก็เป็นการรวมคำถามที่เจอบ่อย ๆ เกี่ยวกับเงินค่าคลอดจากประกันสังคม

1. เราสามารถเบิกเงินค่าคลอดประกันสังคมได้กี่ครั้ง  คุณสามารถเบิกได้กี่ครั้งก็ได้ ตามจำนวนครั้งที่คุณคลอด นั่นหมายความว่าการคลอดบุตร 1 ครั้ง จะเบิกเงินได้ 13,000 บาท/บุตร 1 คน
2. จำเป็นไหมที่ต้องคลอดตามโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิ

ไม่จำเป็นค่ะ คุณสามารถเข้าใช้บริการที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิเสมอไป

3. ผู้ชายเบิกค่าคลอดประกันสังคมได้ไหม

หากเป็นคุณพ่อสามารถเบิกเงินค่าคลอดจากประกันสังคมได้ค่ะ แต่คุณไม่สามารถเบิกทั้งสองคนได้นะคะ (กรณีจะใช้สิทธิจากคุณแม่ด้วย) เพราะคุณสามรถเลือกใช้สิทธิได้เพียง 1 คนเท่านั้น ซึ่งเงื่อนไขนี้เป็นเช่นกันกับการรับเงินสงเคราะห์บุตร

แต่สิทธิที่จะขอรับเงินในอัตรา 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย ระยะ 90 วันนั้น สำหรับหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร ผู้ชายไม่สามารถเบิกเงินลาคลอดตรงนี้ได้ค่ะ มีไว้สำหรับผู้หญิงเท่านั้น

4. นอกจากเงินค่าคลอดและ ยังมีสิทธิประโยชน์อะไรอีกบ้าง

สิทธิการลาคลอด คุณแม่สามารถใช้สิทธิหยุดงานลาคลอดได้ 90 วัน โดยยังได้รับเงินในอัตรา 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย ซึ่งค่าจ้างเฉลี่ยสูงสุด 15,000 บาท อาทิเช่นคุณมีเดือนเดือน 15,000 บาท ก็จะได้เงิน 7,500 บาท เป็นระยะเวลา 3 เดือน หรือรวมทั้งหมด 22,500 บาทนั่นเองค่ะ โดยคุณแม่จะสามารถใช้สิทธินี้ได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้น หมายความว่าหากคุณคลอดบุตรคนที่ 3 ก็จะไม่สามารถใช้สิทธินี้ได้อีก

นอกจากนี้ยังได้เงินสงเคราะห์บุตรเดือนละ 600 บาท ต่อบุตร 1 คน อีกด้วย โดยจะได้รับเงินตั้งแต่เด็กอายุแรกเกิดไปจนถึง 6 ปีบริบูรณ์

5. แท้งบุตร หรือแท้งลูก จะได้รับเงินค่าคลอดหรือไม่

หากคุณมีมีอายุครรภ์มากกว่า 28 สัปดาห์ หรือประมาณ 7 เดือน คุณจะยังได้รับสิทธิค่าคลอดและสิทธิการลาคลอดตามเดิมค่ะ แต่จะไม่มีสิทธิได้รับเงินสงเคราะห์บุตร

เงื่อนไขของผู้ใช้สิทธิเบิกเงินค่าคลอด

  1. ต้องเป็นผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม (อ่านวิธีเช็คสิทธิประโยชน์ของประกันสังคม แต่ละมาตรา ได้จากบทความนี้)
  2. ต้องมีการส่งเงินสมทบมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 เดือน (ภายในระยะเวลา15 เดือน ก่อนเดือนคลอดบุตร)
  3. บุตร 1 คน จะเบิกเงินได้ 13,000 บาท ต่อการคลอด 1 ครั้ง กรณีลูกแฝดก็ได้เพียง 13,000 บาท
  4. ถ้าสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ ต้องเลือกให้คนใดคนหนึ่งใช้สิทธิประโยชน์นี้

วิธี เบิกเงินค่าคลอดบุตร จากประกันสังคม

โดยคุณสามารถขอยื่นเรื่องเพื่อรับสิทธิประโยชน์ได้ที่ สำนักงานประกันสังคมประจำจังหวัดทุกเขตพื้นที่ทั่วประเทศ ในวันและเวลาราชการ สามารถไปยื่นเรื่องด้วยตนเอง หรือทำหนังสือมอบอำนาจให้ผู้อื่นดำเนินเรื่องแทนก็ได้ค่ะ

เอกสารที่ต้องใช้สำหรับขอเบิกเงินค่าคลอดบุตร

  1. แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน กองทุนประกันสังคม (สปส. 2-01)
  2. สูติบัตรของบุตร  ทั้งต้นฉบับและสำเนา หากคลอดลูปแฝดก็ให้นำสำเนาของลูกแต่ละคนมาด้วยนะคะ
  3. ใบเสร็จค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการคลอดบุตร
  4. สำหรับกรณีที่ผู้ชายเป็นคนขอใช้สิทธิ ต้องใช้ สำเนาทะเบียนสมรส หรือจะเป็นหนังสือรับรองของผู้ประกันตนกรณีไม่มีทะเบียนสมรสก็ได้ค่ะ
  5. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากหน้าแรก (ประเภทออมทรัพย์) ที่เป็นชื่อของผู้ยื่นคำขอ ขอธนาคารใดธนาคารหนึ่งในนี้ ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารธนชาต, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารทหารไทย, ธนาคารอิสลาม, ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย, ธนาคารออมสิน, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ประกันสังคม หรือโทร 1506

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!!

ที่มา : ประกันสังคม

 742
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำไมผู้ประกอบการต้องรู้กฎหมายแรงงานที่เกี่ยวข้องกับเวลาในการทำงาน เช่น การทำงานล่วงเวลา การทำงานนอกเหนือจากเวลางานหรือกระทั่งการทำงานเป็นกะ เพราะเป็นกฎหมายที่ออกมาคุ้มครองลูกจ้างในฐานะผู้ใช้แรงงานให้ได้รับความเป็นธรรมและไม่ถูกนายจ้างเอารัดเอาเปรียบเกินสมควร และกำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าล่วงเวลาการทำงาน หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า การทำโอที (Overtime: OT) แก่ลูกจ้าง
งานที่ปรึกษาทางธุรกิจ ไม่ใช่งานที่จะมีบรรจุเป็นหลักสูตรสาขาเหมือนสาขาบัญชี สาขาคอมพิวเตอร์ งานประเภทนี้จะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญหลายๆด้านรวมกัน ดังนั้นทางเดินของสายอาชีพนี้ไม่อาจจะตายตัวได้ แต่อย่างไรก็ตามทุกอาชีพมีโอกาสเติบโต โดยส่วนใหญ่อาชีพนี้จะเริ่มจากการเป็นนักวิเคราะห์ ทำ Data Collection หรือ ทำ Research และ พัฒนากับทีมโปรแกรมเมอร์ ต่อมาอาจจะเป็น Consultant เพื่อหาแนวทางในการขับเคลื่อนองค์กรโดยรวม พร้อมทั้งสร้างโครงสร้างทีแข็งแกร่ง ส่วนขั้นตอนต่อๆไป คือ Senior Consultant เนื่องจากได้สะสมประสบการณ์มาแล้วได้เวลาเติบใหญ่เป็นหัวหน้าทีม จนสุดของเส้นทางคือเป็น Principal / Director นั่นเอง อาจต้องใช้เวลาซักนิดแต่ผลลัพธ์นั้นคุ้มค่าแรงกายแน่นอน ในบทความนี้จะพูดถึง คุณสมบัติของที่ปรึกษาทางธุรกิจ ที่ควรมีอะไรบ้าง
Consultant ( Business Consultant ) หรือ ที่ปรึกษาทางธุรกิจ คือการที่ให้คำปรึกษาต่อธุรกิจนั้นๆ เช่น การเพิ่มยอดขาย การทำกำไร ลดรายจ่าย รวมทั้งต้องวิเคราะห์หาวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆให้กับธุรกิจอีกด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วมีเป้าหมายคือการที่ช่วยให้องค์กรพัฒนาไปในทางที่ดี ไปเติบโตเป็นธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืน
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าระบบบัญชีเงินเดือนคืออะไร ระบบจัดการบัญชีเงินเดือนเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการติดตามบันทึกทางการเงินของพนักงาน และดำเนินการตามขั้นตอนการบริหาร ไม่เพียงแต่ติดตามเงินเดือนของพนักงาน แต่ยังมีเรื่องของโบนัส การหักเงิน และสิ่งจูงใจที่ได้รับ
ผู้ประกันตนแต่ละมาตราที่ส่งเงินสมทบประกันสังคม สามารถคัดสำเนาการนำส่งเงินสมทบ เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีประจำปีได้ โดยแต่ละมาตราจะลดหย่อนได้สูงสุดเท่าไหร่ เช็คได้ที่นี่เลย
ในยุคที่มิจฉาชีพพร้อมเข้าถึงคุณทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ ข้อความ SMS รวมถึงลิงก์ต่าง ๆ ตามเว็บบราวเซอร์ในอินเทอร์เน็ต เอาว่าแค่กด 1 ครั้งชีวิตก็เป็นหนี้ได้ จะเห็นว่ากลโกงต่าง ๆ ขยับเข้ามาอยู่รอบตัวเรามากขึ้น รันทุกวงการ ไม่เว้นแม้กระทั่งประกาศงานปลอม ทำอะไรก็ต้องระแวดระวังไปหมด อันไหนจริงอันไหนปลอม เราเองในฐานะผู้สมัครงานจำต้องมีสติและวิจารณญาณที่ดีอยู่เสมอ

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์