ค่าแรงงาน หมายถึง ค่าจ้าง (Wages) และเงินเดือน (Salaries) ที่กิจการจ่ายให้แก่ลูกจ้าง ในการจ่ายค่าจ้างอาจจ่ายเป็นรายชั่วโมง (Hourly) รายวัน (Daily) หรือตามหน่วยที่ผลิตได้ (Piecework) ส่วนเงินเดือนมักจะจ่ายเดือนละครั้ง ลักษณะของค่าแรงงาน แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ 1. ค่าแรงงานทางตรง 2. ค่าแรงงานทางอ้อม สำหรับขั้นตอนเกี่ยวกับค่าแรงงานนั้น จะแยกอธิบายเป็น 2 แผนก คือ แผนกบุคคล (Personal Department) มีหน้าที่เก็บเวลาการทำงาน กำหนดอัตราค่าจ้างของพนักงาน นอกจากนี้แผนกบุคคลยังมีหน้าที่ในการควบคุมการทำงานของพนักงาน รวบรวมเวลาทำงานของพนักงานในแต่ละวัน เช่น - ใช้เครื่องบันทึกเวลา หรือนาฬิกาบันทึกเวลา โดยจัดวางไว้ตรงทางเข้าของพนักงาน และให้พนักงานนำบัตรลงเวลาประจำตัวสอดเข้าไปในเครื่องเพื่อบันทึกเวลาการทำงานก่อนที่จะเข้าไปปฏิบัติงาน - ใช้สมุดลงเวลา เหมาะสำหรับกิจการที่จ่ายค่าจ้างเป็นเงินเดือนประจำ - ใช้ทั้งเครื่องบันทึกเวลา และสมุดลงเวลา เช่น เมื่อพนักงานเข้ามาถึงทางเข้าของบริษัท ก็จะสอดบัตรลงเวลาประจำตัวที่เรียงไว้ตามชั้นใกล้ๆเครื่องบันทึกเวลาโดยมีชื่อพนักงานและรหัสประจำตัวติดอยู่ตามชั้นวางเข้าไปในเครื่องเพื่อบันทึกเวลาการทำงาน เมื่อพนักงานเข้าไปในแผนกทำงานของตน จะลงเวลาที่สมุดลงเวลาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อแผนกบุคคลรวบรวมเวลาการทำงานของพนักงานแต่ละคนเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำส่งรายงานการปฏิบัติงานให้แก่แผนกบัญชีต่อไป แผนกบัญชี (Accounting Department) มีหน้าที่ในการคำนวณ จำแนก และบันทึก บัญชีค่าแรงงาน โดยนำข้อมูลจากแผนกบุคคลมาบันทึกรายการบัญชี และจัดทำรายละเอียดที่เกี่ยวข้อง โดยแบ่งหน้าที่ออกเป็น 3 ฝ่าย ดังนี้ ฝ่ายบัญชีเงินเดือนและค่าแรง เมื่อได้รับรายงานการปฏิบัติงานจากแผนกบุคคลแล้วจะคำนวณค่าจ้าง ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เงินประกันสังคม รายการอื่นๆ รวมทั้งบันทึกรายการและจำนวนเงินต่างๆ ลงในสมุดเงินเดือนและค่าแรงแล้วผ่านรายการจากสมุดเงินเดือนและค่าแรงไปยังบัญชีเงินได้ของพนักงานแต่ละคน นอกจากนี้ยังส่งสมุดเงินเดือนและค่าแรงให้แก่ฝ่ายบัญชีเจ้าหนี้ด้วย ฝ่ายบัญชีเจ้าหนี้ เมื่อได้รับสมุดเงินเดือนและค่าแรงจากฝ่ายบัญชีเงินเดือนและค่าแรงแล้ว จะทำใบสำคัญจ่ายขึ้น 2 ฉบับ คือ ใบที่ 1 นำส่งให้ฝ่ายการเงินพร้อมสมุดเงินเดือนและค่าแรงเพื่อรอจ่ายเงิน ใบที่ 2 สำหรับเก็บเข้าแฟ้มไว้ที่แผนกของตน ฝ่ายบัญชีต้นทุน เมื่อได้รับรายงานจากแผนกบุคคลก็จะทำการแยกค่าแรงแต่ละประเภทของกระบวนการผลิตเพื่อคำนวณต้นทุนการผลิต สำหรับการคำนวณค่าแรง จะแยกการคำนวณเป็น 2 ขั้นตอน คือ - ค่าแรงงานขั้นต้น (Gross payrolls) เมื่อพนักงานบัญชีรวบรวมค่าแรงงานของพนักงานจากบัตรลงเวลาทำงานก็จะทำการคำนวณ ค่าแรงงานต่างๆ ซึ่งพิจารณาจากชั่วโมงการทำงาน หรือตามชิ้นงาน การคำนวณค่าแรงงานดังกล่าวจะประกอบด้วยค่าแรงงานปกติ และค่าแรงงานล่วงเวลา ค่าแรงงานปกติ มีสูตรในการคำนวณ ดังนี้ - คำนวณค่าแรงตามชั่วโมงการทำงาน ค่าแรงงานปกติ = จำนวนชั่วโมงการทำงาน X อัตราค่าแรงงานรายชั่วโมง - คำนวณค่าแรงตามชิ้นงาน ค่าแรงงานปกติ = จำนวนชิ้นงานที่ผลิตได้ X อัตราค่าแรงงานตามชิ้นงาน ตัวอย่างที่ 1 นายมานพ ทำงานกับโรงงานแห่งหนึ่ง มีช่วงทำงานปกติ คือ 08.00 – 17.00 น. หยุดวันเสาร์และอาทิตย์ โดยได้รับค่าจ้างเป็นรายชั่วโมงปกติชั่วโมงละ 50 บาท ชั่วโมงการทำงานของนายมานพในสัปดาห์นี้เป็นดังนี้ วัน จำนวนชั่วโมงการทำงาน จันทร์ 8 พุธ 2 พฤหัสบดี 8 ศุกร์ 5 รวมชั่วโมงการทำงาน 23 ดังนั้นค่าแรงปกติเท่ากับ 23 X 50 = 1,150 บาท ค่าแรงงานล่วงเวลา ค่าแรงงานล่วงเวลาเกิดจากการที่พนักงานทำงานเกินชั่วโมงทำงานปกติซึ่งตพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ได้บัญญัติเกี่ยวกับชั่วโมงทำงานปกติของกิจการอุตสาหกรรมว่า นายจ้างจะต้องกำหนดชั่วโมงการทำงานปกติไว้เท่าใดก็ได้แต่ต้องไม่เกินสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมง ซึ่งในแต่ละกิจการจะกำหนดชั่วโมงการทำงานปกติไม่เท่ากัน 1. อัตราค่าแรงงานล่วงเวลาในวันทำการปกติ เป็นการทำงานในช่วงเวลาเกินกว่า ช่วงเวลาปกติของเวลาทำการ เช่น เวลาทำการปกติคือ วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เวลา 08.00 – 17.00 น. แต่หากพนักงานทำงานในวันดังกล่าวตั้งแต่ 08.00 - 20.00 น. ช่วงเวลาหลังจาก 17.00 น. ถือเป็นค่าแรงล่วงเวลาในวันทำงานปกติ เวลาส่วนที่เกินดังกล่าวนายจ้างต้องจ่าย ค่าแรงให้แก่ลูกจ้างในอัตราไม่น้อยกว่าหนึ่งเท่าครึ่งของค่าแรงงานในอัตราปกติ 2. อัตราค่าแรงงานล่วงเวลาในวันหยุด แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ 2.1 ทำงานล่วงเวลาในวันหยุดซึ่งอยู่ในช่วงเวลาทำการปกติ เช่น เวลาทำการปกติ คือ วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เวลา08.00 – 17.00 น. แต่หากพนักงานทำงานในวันเสาร์ หรืออาทิตย์ ในช่วงเวลา 08.00 – 17.00 น. ช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นค่าแรงล่วงเวลาในวันหยุดซึ่งอยู่ในช่วงเวลาปกติ นายจ้างต้องจ่ายค่าแรงให้แก่ลูกจ้างในอัตราไม่น้อยกว่า 2 เท่าของค่าแรงงานในอัตราปกติ 2.2 ทำงานล่วงเวลาในวันหยุดซึ่งอยู่ในช่วงเกินกว่าเวลาทำการปกติ เช่น เวลาทำการปกติ คือ วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ เวลา 08.00 – 17.00 น. แต่ทำงานในวันเสาร์ หรืออาทิตย์ ในช่ว เวลาหลัง 17.00 น. ช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นค่าแรงล่วงเวลาในวันหยุดซึ่งเกินกว่าช่วงเวลาทำการปกตินายจ้างต้องจ่ายค่าแรงให้แก่ลูกจ้างในอัตราไม่น้อยกว่า 3 เท่าของค่าแรงงานในอัตราปกติ ตัวอย่างที่ 2 บริษัท เควิน จำกัด ได้กำหนดเวลาทำงานปกติของพนักงาน คือ ทำงานตั้งแต่วันจันทร์ ถึง วันเสาร์ ช่วงเวลา 08.00 – 17.00 น. (พักเที่ยง 1 ช.ม.) ดังนั้นเวลาทำการปกติเท่ากับวันละ 8 ชั่วโมงๆละ 20 บาท นายปิยะซึ่งเป็นพนักงานฝ่ายผลิตของบริษัทได้ทำงานประจำสัปดาห์สุดท้ายของเดือน ดังนี้ วันทำงาน เวลาทำงาน ชั่วโมงทำงาน จันทร์ 09.00 – 17.00 7 อังคาร 08.00 – 20.00 11 พุธ 08.00 – 21.00 12 พฤหัสบดี 08.00 – 21.00 12 ศุกร์ 08.00 – 21.00 12 เสาร์ 08.00 – 21.00 12 อาทิตย์ 08.00 – 23.00 14 การคำนวณค่าแรงขั้นต้นของนายปิยะ เป็นดังนี้
ตารางที่ 2.4 แสดงการคำนวณค่าแรงขั้นต้น ค่าแรงงานปกติ (47 X 20) 940 บาท ค่าแรงงานล่วงเวลาในวันทำการปกติ (19 X 20 X 1.5) 570 บาท ค่าแรงงานล่วงเวลาในวันหยุดซึ่งอยู่ในช่วงเวลาทำการปกติ (8 X 20 X 2) 320 บาท ค่าแรงงานล่วงเวลาในวันหยุดซึ่งอยู่ในช่วงเกินกว่าเวลาทำการปกติ (6 X 20 X 3) 360 บาท รวมค่าแรงงานขั้นต้น 2,190 บาท - ค่าแรงงานสุทธิ (Net Payrolls) การคำนวณค่าแรงงานของพนักงาน ไม่ว่าจะจ่ายตามชั่วโมงการทำงาน รายชิ้นงานที่ผลิต หรือเงินเดือน นายจ้างจำเป็นต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย จากค่าจ้างที่จ่ายให้แก่พนักงานเพื่อนำส่งกรมสรรพากร ซึ่งภาษีหัก ณ ที่จ่ายของลูกจ้างแต่ละคนจะมีจำนวนที่แตกต่างกันไปตามจำนวนรายได้ สถานภาพ และกิจกรรมต่างๆที่จะได้รับสิทธิ เช่น คู่สมรส บุตร บุพการี ประกันชีวิต กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันสังคม เงินบริจาค เป็นต้น ดังนั้นค่าแรงงานสุทธิ คือ ค่าแรงงานขั้นต้น หัก ภาษีหัก ณ ที่จ่าย, เงินประกันสังคม ฯลฯ การบันทึกบัญชี เป็นดังนี้ เดบิต ค่าแรงงาน XX เครดิต ค่าแรงงานค้างจ่าย XX ภาษีหัก ณ ที่จ่าย XX ประกันสังคมค้างจ่าย XX (บันทึกค่าแรงงาน) ----------------------------------------------------------- เดบิต งานระหว่างผลิต(ตรง) XX ค่าใช้จ่ายการผลิต(อ้อม) XX เครดิต ค่าแรงงาน XX (จำแนกค่าแรงงาน) ----------------------------------------------------------- เดบิต ค่าแรงงานค้างจ่าย XX เครดิต เงินสด XX (จ่ายค่าแรงงาน) ----------------------------------------------------------- เดบิต ภาษีหัก ณ ที่จ่าย XX เครดิต เงินสด XX (จ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่าย) ----------------------------------------------------------- เดบิต ประกันสังคมค้างจ่าย XX ประกันสังคม XX เครดิต เงินสด XX (จ่ายเงินประกันสังคม) ตัวอย่างที่ 3 บริษัท บางนาตกแต่ง จำกัด ได้ทำการสรุปจำนวนเงินเดือน และค่าแรงงานของพนักงานในแผนกตกแต่ง สิ้นหรับสิ้นสุด 31 ธันวาคม 25 X 1 ดังนี้
ตารางที่ 2.5 แสดงการทำสรุปเงินเดือนและค่าแรง จากข้อมูลข้างต้นสามารถนำมาจำแนกเป็นชั่วโมงการทำงานปกติ และชั่วโมงการทำงานล่วงเวลาได้ดังนี้
ตารางที่ 2.5 แสดงการจำแนกชั่วโมงทำงานปกติและชั่วโมงทำงานล่วงเวลา ข้อมูลเพิ่มเติม : 1. อัตราภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% ของค่าแรงงานทั้งหมด 2. อัตราประกันสังคม 5% ของค่าแรงงานปกติ * ค่าล่วงเวลาดังกล่าวเกิดจากไฟฟ้าดับ ทำให้พนักงานต้องทำงานล่วงเวลาเพิ่มเติม งานระหว่างผลิต ค่าใช้จ่ายการผลิต นายมาโนช - 30,000 นายมานะ 4,000(40 x 100) - 200(2 x 100 x 1) 100(2 x 100 x 0.5) 300(3 x 100 x 1) 300(3 x 100 x 1) นางมานี 4,000(40 x 100) - 600(6 x 100 x 1) 300(6 x 100 x 0.5) 200(2 x 100 x 1) 200(2 x 100 x 1) นายมานั่น 4,000(40 x 100) - 13,300 30,900 ใบบันทึกการจ่ายค่าแรง(แสดงการคำนวณ) การบันทึกบัญชี เป็นดังนี้ - เมื่อบันทึกค่าแรงงาน เดบิต ค่าแรงงาน 44,200 เครดิต ค่าแรงงานค้างจ่าย 38,430 ภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย 4,420 เงินประกันสังคมค้างจ่าย 1,350 - เมื่อจำแนกค่าแรงงาน เดบิต งานระหว่างผลิต(ทางตรง) 13,300 ค่าใช้จ่ายการผลิต(ทางอ้อม) 30,900 เครดิต ค่าแรงงาน 44,200 - เมื่อจ่ายค่าแรงงาน เดบิต ค่าแรงงานค้างจ่าย 38,430 เครดิต เงินสด 38,430 การจ่ายค่าแรงงานในลักษณะอื่นๆ 1. ค่าแรงงานล่วงเวลา (Overtime) ค่าแรงงานล่วงเวลาที่ต้องจ่าย ซึ่งเป็นไปตามแผนงานที่ได้กำหนดขึ้นไว้ล่วงหน้า จัดเป็น“งานระหว่างผลิต” ตัวอย่างที่ 4 บริษัท สมประสงค์ จำกัด มีพนักงาน 5 คน ในแต่ละสัปดาห์ พนักงานแต่ละคนจะทำงานตามเวลาปกติวันละ 8 ชั่วโมง อัตราค่าแรงชั่วโมงละ 80 บาท นอกจากนี้พนักงานแต่ละคนจะทำงานล่วงเวลาอีกวันละ 3 ชั่วโมง อัตรา ค่าแรงงานชั่วโมงละ 120 บาท(ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% และเงินประกันสังคม 5%ของค่าแรงงานปกติ) ค่าแรงงานขั้นต้น = (5 x 8 x 80) + (5 x 3 x 120) = 3,200 + 1,800 = 5,000 บาท ค่าแรงงานสุทธิ = 5,000 – (5,000 x 10%) – (3,200 x 5%) = 4,340 บาท การบันทึกค่าแรงงาน เดบิต ค่าแรงงาน 5,000 เครดิต ค่าแรงงานค้างจ่าย 4,340 ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 500 เงินประกันสังคมค้างจ่าย 160 บันทึกจำแนกค่าแรงงาน เดบิต งานระหว่างผลิต 5,000 เครดิต ค่าแรงงาน 5,000 ค่าแรงงานล่วงเวลาที่ต้องจ่าย ซึ่งไม่เป็นไปตามแผนที่ได้กำหนดขึ้นล่วงหน้า เช่น เครื่องจักรเสีย ขาดวัตถุดิบในการผลิตอย่างต่อเนื่อง ค่าแรงล่วงเวลาดังกล่าวจัด เป็น “ค่าใช้จ่ายการผลิต”
ตัวอย่างที่ 5 บริษัท สมศักดิ์ จำกัด จ้างพนักงานทำการผลิตอัตราค่าจ้างชั่วโมง ละ 70 บาท ในสัปดาห์นี้ผู้จัดการโรงงานได้กำหนดให้พนักงานทำงานล่วงเวลา จำนวน 6 คนๆละ 4 ชั่วโมงเนื่องจากเมื่อต้นสัปดาห์บริษัทประสบปัญหาขาด วัตถุดิบในการผลิต พนักงานจำนวน 6 คนดังกล่าวได้ทำงานในชั่วโมงปกติไปแล้ว 200 ชั่วโมง (ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% และเงินประกันสังคม 5%ของค่าแรงงาน ปกติ) ค่าแรงงานขั้นต้น = (200 x 70) + (6 x 4 x 105*) = 14,000 + 2,520 = 16,520 บาท * 70 x 1.5 = 105 ค่าแรงงานสุทธิ : = 16,520 – (16,520 x 10%) – (14,000 x 5%) = 14,168 บาท การบันทึกค่าแรงงาน เดบิต ค่าแรงงาน 16,520 เครดิต ค่าแรงงานค้างจ่าย 14,168 ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 1,652 เงินประกันสังคมค้างจ่าย 700 บันทึกจำแนกค่าแรงงาน เดบิต งานระหว่างผลิต(200+24)x(70 x 1) 15,680 ค่าใช้จ่ายการผลิต 24 x(70 x 0.5) 840 เครดิต ค่าแรงงาน 16,520 2. เงินโบนัสให้แก่พนักงาน(Bonus) จัดเป็น “ค่าใช้จ่ายการผลิต” ตัวอย่างที่ 6 บริษัท อารมณ์ จำกัดได้ประมาณเงินโบนัสให้แก่พนักงานตอนสิ้นปี 25 X1 เท่ากับ 300,000 บาท และในเดือนมกราคมนี้บริษัทจะต้องจ่ายเงินเดือนให้แก่พนักงานทั้งสิ้นเป็นเงิน 100,000 บาท(ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% และเงินประกันสังคม 5%ของค่าแรงงานปกติ) การบันทึกค่าแรงงาน เดบิต ค่าแรงงาน 100,000 เครดิต ค่าแรงงานค้างจ่าย 85,000 ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10,000 เงินประกันสังคมค้างจ่าย 5,000 บันทึกจำแนกค่าแรงงาน เดบิต งานระหว่างผลิต 100,000 ค่าใช้จ่ายการผลิต() 25,000 เครดิต ค่าแรงงาน 100,000 เงินสำรองโบนัสแก่พนักงาน 25,000 บันทึกล้างเงินสำรองโบนัสแก่พนักงาน เดบิต เงินสำรองโบนัสแก่พนักงาน 300,000 เครดิต เงินสด 300,000 3. วันหยุดพักผ่อนประจำปี(Vacation Pay) จัดเป็น “ค่าใช้จ่ายการผลิต” ตัวอย่างที่ 7 บริษัท จารีต จำกัด จ่ายค่าแรงงานให้กับพนักงานคนหนึ่งเดือนละ 14,000 บาท และให้พนักงานดังกล่าวได้มีสิทธิหยุดลาพักร้อนปีละ 9 วัน(ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% และเงินประกันสังคม 5%ของค่าแรงงานปกติ) กำหนดให้ 1ปีมี 365 วัน การบันทึกค่าแรงงาน เดบิต ค่าแรงงาน 14,000 เครดิต ค่าแรงงานค้างจ่าย 11,900 ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 1,400 เงินประกันสังคมค้างจ่าย 700 บันทึกจำแนกค่าแรงงาน เดบิต งานระหว่างผลิต 14,000 ค่าใช้จ่ายการผลิต(14,000 x ) 345.21 เครดิต ค่าแรงงาน 14,000 เงินสำรองหยุดพักผ่อนแก่พนักงาน 345.21 ตัวอย่างที่ 8 จากตัวอย่างที่ 7 หากสมมุติว่าพนักงานดังกล่าวขอใช้สิทธิลาหยุด 1 วันในเดือนมีนาคม การลงบันทึกบัญชีเกี่ยวกับการจ่ายค่าแรงงานในเดือนมีนาคมจะเป็นดังนี้ การบันทึกค่าแรงงาน เดบิต ค่าแรงงาน 14,000 เครดิต ค่าแรงงานค้างจ่าย 11,900 ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 1,400 เงินประกันสังคมค้างจ่าย 700 บันทึกจำแนกค่าแรงงาน เดบิต งานระหว่างผลิต 13,539.72 ค่าใช้จ่ายการผลิต(14,000 x ) 345.21 เงินสำรองหยุดพักผ่อนแก่พนักงาน 115.07* เครดิต ค่าแรงงาน 14,000 * 345.21 x 12 = 4,142.52 บาท = 460.28 บาท 460.28 – 345.21 = 115.07 บาท เหตุผลที่งานระหว่างผลิตลดลงในเดือนที่พนักงานลาหยุด เพราะพนักงานทำงานไม่เต็มเดือน
4. สวัสดิการต่างๆ (Welfare) เช่น ค่าอาหารกลางวัน, ค่ารักษาพยาบาล,ค่าจ้างรถรับส่งจัดเป็น“ค่าใช้จ่ายการผลิต” ตัวอย่างที่ 9 บริษัท บึงกุ่ม จำกัด มีสวัสดิการที่ให้แก่พนักงานฝ่ายผลิตประจำเดือนตุลาคม 25x1 คือ ค่าเช่ารถจำนวน 120,000 บาท และค่าอาหารกลางวัน 50,000 บาท การบันทึกค่าแรงงาน เดบิต ค่าใช้จ่ายการผลิต 170,000 เครดิต เงินสด 170,000 5. เงินชดเชยเมื่อออกจากงาน(Severance Pay) จัดเป็น “ค่าใช้จ่ายการผลิต” ตัวอย่างที่ 10 บริษัท สุริยา จำกัด จ่ายค่าแรงงานโดยเฉลี่ยต่อเดือนๆละ 250,000 บาท และกิจการมีนโยบายให้เงินชดเชยแก่พนักงานเมื่อออกจากงานโดยจะเก็บเดือนละ 5% (ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 10% และเงินประกันสังคม 5%ของค่าแรงงานปกติ) บันทึกจำแนกค่าแรงงาน เดบิต ค่าแรงงาน 250,000 เครดิต ค่าแรงงานค้างจ่าย 212,500 ภาษีหัก ณ ที่จ่าย 25,000 ประกันสังคมค้างจ่าย 12,500 บันทึกจำแนกค่าแรงงาน เดบิต งานระหว่างผลิต 250,000 ค่าใช้จ่ายการผลิต(250,000 x 5%) 12,500 เครดิต ค่าแรงงาน 250,000 เงินสำรองพนักงานออกจากงาน 12,500 บันทึกจ่ายเงินชดเชยเมื่อพนักงานออกจากงาน(สมมุติจ่าย 400,000 บาท) เดบิต เงินสำรองพนักงานออกจากงาน 400,000 เครดิต เงินสด 400,000
สรุปการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับค่าแรงงาน
ตารางที่ 2.6 สรุปการบันทึกบัญชีเกี่ยวกับค่าแรงงาน |