4 ขั้นตอนในการวิเคราะห์กระแสเงินสด

4 ขั้นตอนในการวิเคราะห์กระแสเงินสด



การวิเคราะห์งบกระแสเงินสด เป็นหนึ่งในเครื่องมือในการวิเคราะห์งบการเงินที่น่าสนใจอีกวิธีหนึ่ง นอกเหนือจากการวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน หรือว่าการวิเคราะห์งบโดยวิธีแนวนอน วิธีแนวโน้ม  วิธีแนวตั้ง หรือวิเคราะห์ร้อยละของยอดรวม หลายๆ คนคงคุ้นเคยกับการวิเคราะห์งบกำไรขาดทุน และงบแสดงฐานะทางการเงินมาบ้างแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า หนึ่งในวิธีวิเคราะห์งบการเงินที่มีประโยชน์มากอีกวิธีหนึ่งก็คือ การวิเคราะห์กระแสเงินสด การวิเคราะห์กระแสเงินสดนั้น เราจะ Focus ไปที่เงินสดของกิจการเท่านั้น ซึ่งจะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างชัดเจนไม่เหมือนกับการวิเคราะห์แบบอื่นๆ ค่ะ

การวิเคราะห์กระแสเงินสด (Cash Flow Analysis) เป็นการวิเคราะห์แหล่งที่มา และแหล่งที่ไปของเงินสด  โดย

แหล่งที่มา คือ การได้รับเงินเข้ามาในบริษัท    
ส่วนแหล่งที่ไป ก็คือ การจ่ายเงินสดออกไป

ซึ่งจะดูทั้งเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด ว่ามีการรับมาและจ่ายไปในระหว่างงวดบัญชี ที่ต้องการวิเคราะห์อย่างไร เงินสด ของกิจการที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงนั้นได้มาจากแหล่งใด และมีการใช้เงินไปในเรื่องใด เพื่อทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการไหลเวียนของเงินสดในกิจการ

ขั้นตอนในการวิเคราะห์งบกระแสเงินสด แบ่งเป็น 4 ขั้นตอนหลักๆ ได้แก่

1. วิเคราะห์แหล่งที่มาและการใช้ไปของเงินสดจากกิจกรรมทั้ง 3
ขั้นแรกนี้เป็นการวิเคราะห์ภาพรวมว่า ใน 3 กิจกรรม ได้แก่ กิจกรรมดำเนินงาน, กิจกรรมการลงทุน, และกิจกรรมจัดหาเงิน เราได้เงินสดมา และใช้เงินสดไปกับกิจกรรมใดเป็นหลัก

ที่สำคัญเราต้องดูว่า กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน มีค่าเป็นบวก และเพียงพอสำหรับการใช้จ่ายในกิจการหรือไม่ หากเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานติดลบหรืออาจจะมีน้อยไป ซึ่งถ้าเทียบกับกิจกรรมการลงทุนและกิจกรรมจัดหาเงินอาจจะไม่เพียงพอในการดำเนินธุรกิจ ถ้าเป็นเช่นนี้ ผู้บริหารจะต้องเปลี่ยนกลยุทธ์ในการบริหารหรือไม่ หรือต้องทำอย่างไรเพื่อที่จะบริหารกระแสเงินสดที่มีให้สามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างต่อเนื่อง

2. วิเคราะห์กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน (CFO)
กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน ส่วนใหญ่มักจะมีที่มาที่ไปจากธุรกิจหลัก คือ การขายสินค้า ซื้อวัตถุดิบ จ่ายค่าแรงพนักงาน เป็นต้น ใครๆ ก็อยากมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวกใช่ไหมคะ

การวิเคราะห์กระแสเงินสดในกิจกรรมนี้ ต้องดูว่าเงินสดที่ได้มามีองค์ประกอบสำคัญมาจากรายการใด กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานมีค่ามากกว่าหรือน้อยกว่ากำไรสุทธิในงบกำไรขาดทุน และมีสาเหตุมาจากอะไร เช่น หากกำไรเยอะๆ ในงบกำไรขาดทุน แต่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานน้อยมาก แสดงว่าเราอาจจะยังบริหารเงินสดได้ไม่ดีพอค่ะ

3. วิเคราะห์กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุน (CFI) 
กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน ส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงไปของส่วนของสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน เช่น ซื้อที่ดินเพิ่ม สร้างโรงงานเพิ่ม นี่ก็เป็นสาเหตุทำให้กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุนติดลบ

การติดลบของกระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุนนั้นไม่ได้เลวร้ายเสมอไป หากเรามีแผนงานรองรับในอนาคต เช่น การขยายโรงงานเพิ่มต้องลงทุนเยอะๆ ในปีนี้ และคาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้จากกิจกรรมดำเนินงานในอนาคต 2 เท่า การวิเคราะห์กระแสเงินสดในกิจกรรมการลงทุน ต้องรู้ว่ากระแสเงินสดสุทธิที่เป็นบวกหรือลบ มีองค์ประกอบสำคัญมาจากรายการใด และคาดหวังว่าในอนาคตจะได้ผลตอบแทนอย่างไร

4. วิเคราะห์กระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน (CFF)
การจัดหาเงินอาจมาจากการกู้เงิน หรือการเพิ่มทุนในส่วนของผู้ถือหุ้น โดยหากกู้เงินจากสถาบันการเงินหรือบุคคลที่สามคือจะต้องมีดอกเบี้ยจ่ายเกิดขึ้น และสำหรับการเพิ่มทุน จะไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย แต่อย่างไรก็ตามผู้ถือหุ้นคาดหวังที่จะได้รับเงินปันผล ดังนั้นกิจการต้องแพลนว่าการจัดหาเงินด้วยวิธีใด คุ้มค่า และเหมาะสำหรับกิจการ

การวิเคราะห์กระแสเงินสดกระแสเงินสดจากกิจกรรมจัดหาเงิน ให้ดูว่ามีองค์ประกอบสำคัญมาจากรายการใด หากกิจการมีการจัดหาเงินได้มาก กิจการมีแผนที่จะจัดการกับต้นทุนทางการเงินที่เกิดขึ้นอย่างไร และกิจการคาดว่าจะสร้างรายได้จากการประกอบการในอนาคตจากเงินที่จัดหามาอย่างไร สุดท้ายมีกำไรเพื่อไปจ่ายดอกเบี้ย หรือเงินปันผลในอนาคตอย่างไรบ้างนั่นเองค่ะ

การวิเคราะห์งบกระแสเงินสด คือการที่กิจการมีเงินสดที่ได้รับมา และได้จ่ายไปจากกิจกรรมใดเป็นหลักและมีความสามารถที่จะดำเนินต่อไปได้ในอนาคตหรือไม่
งบกระแสเงินสดเป็นสิ่งที่ผู้บริหารให้ความสนใจ โดยเฉพาะบัญชีเงินสดที่ปรากฏอยู่ในงบการเงิน จัดเป็นรายการหนึ่งที่แสดงถึงสภาพคล่องของกิจการว่าเป็นอย่างไร มีความคล่องตัวในการดำเนินงานเพียงใด เพื่อใช้เป็นแนวทางในการตัดสินใจดำเนินงานต่าง ๆ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเงินสดเป็นสำคัญ ดังนั้น นักบัญชีควรให้ความสนใจกับการวิเคราะห์กระแสเงินสดกันค่ะ เพราะในโลกความเป็นจริงแล้วเราอาจจะเจอหลายๆ บริษัทที่กำไรเบ่งบาน แต่เงินสดไม่พอใช้ สภาพคล่องทางการเงินไม่ค่อยดีนักอยู่เต็มไปหมดเลยค่ะ


ที่มา : thaicpdathome.com
 15607
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือ ผู้สอบบัญชี CPA (Certified Public Accountant) คือ ผู้ที่ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตจากสภาวิชาชีพบัญชี ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพพ.ศ.2547 มีสิทธิในการตรวจสอบและรับรองบัญชีของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ทุกขนาด ทุกประเภท (ไม่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์) การสอบ CPA เป็นการทดสอบความรู้และความสามารถในด้านบัญชีและงานที่เกี่ยวข้อง และเป็นที่ยอมรับและเคารพในวงกว้างในวงการบัญชีและการเงิน
การยื่นภาษีมีหลายสิ่งที่ต้องพิจารณาเพื่อให้แน่ใจว่าการยื่นภาษีเป็นไปอย่างถูกต้องและครบถ้วน ต่อไปนี้คือสิ่งที่ควรรู้ก่อนยื่นภาษี
การ outsource งานทำบัญชี เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่ช่วยลดต้นทุนให้กับกิจการได้ เพราะเมื่อเทียบกับการจ้างพนักงานบัญชีประจำกิจการแล้ว การ outsource จ้างผู้รับจ้าทำบัญชีภายนอก มักจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า   วันนี้เราจะมาดูกันว่า ผู้ให้บริการทำบัญชี นั้นมีกี่แบบ  เพื่อที่ผู้ประกอบการจะได้พิจารณาเลือกแบบที่คิดว่าเหมาะสมกับกิจการตน
การบัญชีในปัจจุบันมีบทบาทสำคัญต่อทุกๆกิจการ การทำงานของบัญชีก็มีหลายส่วนงานด้วยกัน ซึ่งส่วนงานที่สำคัญของบัญชีก็คือการออกงบการเงิน ในงบการเงินประกอบด้วย 5 งบที่สำคัญคือ
ในยุคที่กรมสรรพากร ได้มีการบริหารภายใต้นโยบายปรับเปลี่ยนองค์กรให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการจัดเก็บภาษีและยกระดับการให้บริการด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกมาใช้ในการบริหารการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรทุกกระบวนงาน หรือที่เรียกว่า “RD Digital Government – Data Analytics” และนำมาสู่แนวคิดเรื่อง “บัญชีเดียว” ของผู้ประกอบธุรกิจ ส่งผลให้มีการกล่าวถึง “นักบัญชีภาษีอากร” ซึ่งจะเป็นผู้ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการเสียภาษีได้ถูกต้องและเหมาะสมมากขึ้น
เงินฝากธนาคาร (Bank Commercial) 5 ประเภท มี กี่ แบบ อะไรบ้าง 

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์