งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น (ส่วนของเจ้าของ) คืออะไร

งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น (ส่วนของเจ้าของ) คืออะไร



ส่วนของเจ้าของ หรือ ส่วนของผู้ถือหุ้น คือ ส่วนของทุนที่เจ้าของนำเงินมาลงทุนในบริษัทประกอบกับกำไรสะสมที่บริษัททำมาหาได้ในแต่ละปีสะสมรวมกัน กลายเป็นส่วนของผู้ถือหุ้นในงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น

จากสมการบัญชี สินทรัพย์ = หนี้สิน + ส่วนของเจ้าของ (ส่วนของผู้ถือหุ้น)
ดังนั้น ส่วนของเจ้าของ (ส่วนของผู้ถือหุ้น) = สินทรัพย์ – หนี้สิน นั่นเอง ในบทความนี้เราจะมาอธิบายกันในเรื่อง งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น

งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น (ส่วนของเจ้าของ) คืออะไร

งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ ส่วนของเจ้าของ คือ งบที่แสดงการกระทบยอดว่าส่วนของผู้ถือหุ้นตั้งแต่ต้นปี ไปจนถึงปลายปีนั้นเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากอะไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น ทุนชำระแล้วของบริษัทจะเพิ่มขึ้นด้วยการเพิ่มทุน หรืออาจลดลงจากการลดทุน กำไรสะสมของบริษัทจะเพิ่มขึ้นด้วยกำไรสุทธิ หรืออาจลดลงด้วยการจ่ายเงินปันผล เป็นต้น

โครงสร้างงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น (ส่วนของเจ้าของ)

สำหรับโครงสร้างงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น (ส่วนของเจ้าของ) สำหรับงบที่ไม่ได้ซับซ้อนนั้นเป็นดังต่อไปนี้

ตัวอย่างงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น


โครงสร้างงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น (ส่วนของเจ้าของ) จะมีการกระทบยอดทั้งทางด้านทุน และกำไรสะสม ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดจากอะไรบ้าง จากตัวอย่างข้างต้นจะเห็นได้ว่าส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันต้นปีนั้นอยู่ที่ 1,500,000 บาท แต่ปลายปีส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นมาเป็น 2,000,000 บาท จะเห็นได้ว่ายอดส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 500,000 บาท ซึ่งเราจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่ายอดที่เพิ่มนี้เนื่องจากอะไรบ้างหากไม่ได้อ่านงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น

ในส่วนของทุนต้นปีมียอด 1,000,000 บาท และในระหว่างปีมีการเพิ่มทุน 400,000 บาท โดยการที่ผู้ถือหุ้นใส่เงินเพิ่มลงมาในบริษัท ดังนั้นทุนปลายปีของบริษัทจึงมียอด 1,400,000 บาท

ในส่วนของกำไรสะสมต้นปีมียอด 500,000 บาท และในระหว่างปีมีกำไรสุทธิ 300,000 บาท จากการดำเนินงานของบริษัท และมีการจ่ายเงินปันผลคืนให้ผู้ถือหุ้นจำนวน 200,000 ดังนั้นกำไรสะสมปลายปีของบริษัทจึงมียอด600,000 บาท (500,000 + 300,000 – 200,000 = 600,000)

ดังนั้นส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทที่เพิ่มขึ้น 500,000 บาท นั้นเกิดจาก การเพิ่มทุน +400,000 บาท กำไรสุทธิ +300,000 บาท เงินปันผลจ่าย -200,000 บาท นั่นเอง

ตัวอย่างในการอ่านและแปลความหมายงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น

ในบทความนี้จะขอยกตัวอย่างงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น (ส่วนของเจ้าของ) ของบริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) หรือที่เรารู้จักกันในนาม Banana IT ร้านขายคอมพิวเตอร์ มือถือ แทปเล็ต และอื่นๆ เรามาดูตัวอย่างงบกันดังนี้

งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น


ดาวน์โหลดงบการเงินฉบับเต็มได้ที่นี่

จากงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น (ส่วนของเจ้าของ) ดังกล่าวจะเห็นได้ว่ายอด ณ ต้นปี 2562 บริษัทมีส่วนของผู้ถือหุ้นทั้งสิ้น 2,651 ล้านบาท อย่างไรก็ตามส่วนของผู้ถือหุ้นปลายปี 2562 ของบริษัทเพิ่มขึ้นมาประมาณ 431 ล้านบาท เป็น 3,082 ล้านบาท

สำหรับการเปลี่ยนแปลงของส่วนของผู้ถือหุ้น (ส่วนของเจ้าของ) สามารถอธิบายได้ดังนี้

  1. ทุนชำระแล้วของบริษัทนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง โดยยอดต้นปี 2562 อยู่ที่ 300 ล้านบาท และปลายปี 2562 อยู่ที่ 300 ล้านเท่าเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แสดงว่าบริษัทไม่ได้มีการเพิ่มทุน หรือลดทุน ในระหว่างปี
  2. ส่วนเกินมูลค่าหุ้นสามัญไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนเกินมูลค่าหุ้นจะเกิดขึ้นในกรณีที่บริษัทสามารถขายหุ้นออกไปได้สูงกว่าราคาพาร์ ดังนั้นเงินที่บริษัทได้รับจะมากกว่าราคาพาร์ของหุ้น ดังนั้นส่วนเกินจะถูกนำมาบันทึกในบัญชีนี้ ส่วนเกินมูลค่าหุ้น โดยยอดต้นปี 2562 อยู่ที่ 899 ล้านบาท และปลายปี 2562 อยู่ที่ 899 ล้านเท่าเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แสดงว่าบริษัทไม่ได้มีการขายหุ้นเพิ่ม หรือเพิ่มทุนในระหว่างปี ซึ่งสอดคล้องกับบัญชีทุนชำระแล้วที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง
  3. กำไรสะสมจัดสรรแล้ว – ทุนสำรองตามกฎหมาย ตามกฎหมายกำหนดให้ทุกๆบริษัทกันสำรองเอาไว้ทุกๆปี โดนส่วนที่กันสำรองนี้จะไม่สามารถนำไปจ่ายเงินปันผลได้ เพื่อเป็นหลักประกันให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียของบริษัททั้งหลาย การกันสำรองตามกฎหมายแบ่งออกเป็น 2 กรณีดังนี้
    • บริษัทจำกัด ให้กันสำรองเอาไว้ 5% ของกำไรในทุกๆคราวที่จ่ายเงินปันผล จนกว่าทุนสำรองนั้นจะมียอดเท่ากับ 10% ของทุนจดทะเบียน
    • บริษัทมหาชน ให้กันสำรองเอาไว้ 5% จากกำไรสุทธิประจำปี จนกว่าทุนสำรองนั้นจะมียอดเท่ากับ 10% ของทุนจดทะเบียน
  4. กำไรสะสมยังไมได้จัดสรร ณ ต้นปี 2562 มียอด 1,422 ล้านบาท และมีกำไรสะสมยังไม่ได้จัดสรรปลายปีที่ 1,853 ล้านบาท ซึ่งยอดที่เพิ่มขั้นนั้นเกิดจาก + กำไรสุทธิประจำปี 1,044 ล้านบาท – เงินปันผลจ่าย 600 ล้านบาท – กำไรจากการวัดมูลค่าใหม่ของภาระผูกพันผลประโยชน์หลังออกจากงาน – สุทธิจากภาษี – 13 ล้านบาท
  5. กำไรจากการวัดมูลค่าใหม่ของภาระผูกพันผลประโยชน์หลังออกจากงาน สำหรับเรื่องนี้เดี๋ยวจะเอาไว้อธิบายให้ละเอียดอีกทีนะครับ เอาเป็นว่ารายการนี้เกิดจากโดยปกติแล้วบริษัทต้องตั้งประมาณการจำนวนเงินที่ต้องจ่ายเมื่อพนักงานทำงานจนเกษียณอายุตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งการคำนวณรายการดังกล่าวจะต้องให้นักคณิตศาสตร์ประกันภัยเป็นผู้คำนวณ โดยหากมีข้อสมมติฐานบางอย่างหรือข้อมูลบางอย่างที่เปลี่ยนไปจากครั้งก่อน รายการนี้จะถึงบันทึกเข้างบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จและตัวเลขนี้จะวิ่งเข้างบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น

สรุปงบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น (ส่วนของเจ้าของ)

ส่วนของเจ้าของ หรือ ส่วนของผู้ถือหุ้น เป็นจุดที่เอาไว้ดูว่ามูลค่าตามบัญชีของส่วนของผู้ถือหุ้นจริงๆนั้นมีมูลค่าเท่าใด ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในส่วนของผู้ถือหุ้นว่าเกิดจากอะไรนั้นเราจะต้องมาดูที่งบแสดงการเปลี่ยนแปลงส่วนของผู้ถือหุ้น 

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!!


ที่มา : tanateauditor.com

 76801
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ใบเสนอราคา หรือ quotation คือเอกสารสำคัญสำหรับนักขาย และเจ้าเอกสารตัวนี้เองก็น่าจะเป็นอะไรที่นักขายทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นใบเบิกทางไปสู่การปิดดีลการขายเลยก็คงไม่เกินจริงไปนัก อย่างไรก็ตามนักขายจำนวนมากแม้จะรู้ว่าเจ้าใบเสนอราคานั้นหน้าตาเป็นอย่างไร แต่เมื่อต้องทำเองหลายต่อหลายครั้งหากบริษัทไม่ได้กำหนดมาตรฐานเอาไว้ นักขายเองก็มักจะออกใบเสนอราคาโดยไม่มี standard ที่ตายตัว นอกจากนี้ตัวนักขายเองก็อาจจะไม่ได้ใส่ใจกับเจ้าใบนี้เท่าที่ควรด้วย
สินค้าขายได้ดีไหม เราถือสินค้าไว้นานเท่าไรกว่าจะขายได้ นักบัญชีจะช่วยเจ้าของธุรกิจวิเคราะห์สินค้าคงเหลือได้อย่างไรบ้าง
หากเราเลือกวิธีการประหยัดภาษีต่างๆ ที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อาจทำให้เกิดอันตรายต่อฐานะการเงินของเราได้ กรมสรรพากรจะตรวจสอบว่า วิธีการที่เราใช้นั้นมันผิดกฎหมายจนทำให้ชำระภาษีขาดไป อาจจะเป็นเรื่องใหญ่แน่
ปัจจุบันนี้ผู้คนจำนวนมากเลือกหันหลังให้กับการทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือมนุษย์ออฟฟิศแล้วเปลี่ยนมาทำธุรกิจจดทะเบียนบริษัทเป็นของตัวเองเพราะต้องการเป็นนายตัวเองและอยากมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเป็นเจ้าของธุรกิจ จึงจะเห็นว่าเจ้าของธุรกิจหลายคนไม่ได้เป็นคนที่มีความรู้พื้นฐานในการทำธุรกิจตั้งแต่แรก แต่หันมาเริ่มต้นตั้งใจและให้ความสนใจพร้อมกับมุ่งมั่นในการหาความรู้เพื่อสร้างธุรกิจของตนเองจนเรียกได้ว่าวันนี้มีธุรกิจ Start up มากมายที่มีแนวโน้มจะก้าวทันรายใหญ่ อย่างไรก็ตามในการทำธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งไม่เพียงอาศัยความรู้หรือวางแผนบริหารจัดการองค์กร วางแผนการโฆษณาหรือสร้างแบรนด์เพื่อแจ้งเกิดให้กับบริษัทหรือเพื่อเพิ่มรายได้ผลกำไรเท่านั้น ยังมีเรื่องสำคัญอย่างการจดทะเบียนธุรกิจและอีกเรื่องหนึ่งที่คนทำธุรกิจไม่สามารถมองข้ามไปได้เพราะนับว่าเป็นผลต่อการทำธุรกิจในระยะยาว กล่าวคือต้องรู้เพื่อไม่ให้พลาดและเป็นการทำตามกฎหมายที่ได้กำหนดนั่นคือการยื่นหนังสือบริคณห์สนธิ เอกสารสำคัญที่แสดงให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งบริษัทหรือธุรกิจนั้น ๆ ทั้งนี้ยังถือว่าเป็นการสร้างความไว้วางใจให้กับคู่ค้าหรือสร้างความน่าเชื่อถือได้อีกระดับ มาดูกันว่า“หนังสือบริคณห์สนธิ”คืออะไรมาทำความเข้าใจง่าย ๆ ในบทความนี้กันได้เลย
คำว่า audit คืออะไร ในบางมุมคนอาจแทนความหมายของ audit เป็นอาชีพ ซึ่งหมายถึงอาชีพผู้ตรวจสอบบัญชี ซึ่งอาชีพ audit นั้นสามารถแบ่งได้ออกเป็นหลายประเภท หรือในบางมุมหากมองว่า audit คือการกระทำ คำว่า audit จะมีความหมายว่า การตรวจสอบซึ่งก็สามารถแบ่งได้ออกเป็นอีกหลายประเภทเช่น

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์