PDCA วงจรบริหารในงานบัญชี

PDCA วงจรบริหารในงานบัญชี



P = Plan คือ แผนดำเนินการ กำหนดเป้าหมายแล้ววางแผนกิจกรรม เพื่อให้เป้าหมายนั้นเป็นจริง


สำหรับนักบัญชีคือการกำหนดว่าจะต้องทำอะไรอย่างเป็นรูปธรรม จากนั้นก็แปลงแผนดำเนินการนั้นด้วยวิธีการทางบัญชีบริหารให้เป็นรูปตัวเงิน ซึ่งเรียกว่า งบประมาณประจำปี ส่วนการนำแผนการดำเนินงานของแต่ละเดือนมาแปลงเป็นตัวเงิน ก็จะเรียกว่า งบประมาณประจำเดือน

D = Do คือ ลงมือดำเนินการตามแผนที่กำหนดไว้ โดยระหว่างนั้นต้องตรวจสอบด้วยว่าได้ดำเนินการไปในทิศทางที่ตั้งใจหรือไม่ พร้อมกับสื่อสารให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบด้วย

กิจกรรมทางธุรกิจที่ได้ลงมือปฏิบัตินั้น ผลลัพธ์ของการดำเนินการจะสรุปออกมาเป็นรายงานการเงินประจำเดือน ซึ่งมิได้มีเพียงงบดุล งบกำไรขาดทุน หรืองบกระแสเงินสดเท่านั้น ตารางคำนวณต้นทุนหรือตารางควบคุมกำไรก็ล้วนแต่เป็นรายงานงานเงินรายเดือนที่สำคัญ

C = Check คือ ทำการวิเคราะห์ โดยประเมินผลลัพธ์จากการตรวจวัด เปรียบเทียบผลลัพธ์ต่อเป้าหมาย มีความชัดเจนในประเด็นที่ต้องปรับปรุง

การตรวจสอบโดยวิเคราะห์ความแตกต่าง เปรียบเทียบระหว่างผลลัพธ์การประกอบการกับงบประมาณ หรือต้นทุนมาตรฐาน ทำให้เข้าใจหัวข้อปัญหาที่จะต้องดำเนินการแก้ไขต่อไปอย่างชัดเจน

A = Action คือ ลงมือแก้ไขปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับมาตรฐานเดิมให้สูงขึ้น

การดำเนินมาตรการตามหัวข้อปัญหาที่จำเป็นต้องดำเนินการแก้ไขซึ่งมีความชัดเจนแล้ว พร้อมกับเป็นจุดเริ่มต้นที่เชื่อมต่อไปยังวงจร PDCA วงจรใหม่ต่อไป โดยอาจพิจารณาแนวทางแก้ไข ดังนี้

• มองหาทางเลือกใหม่ที่น่าจะเป็นไปได้

• ใช้ความพยายามให้มากขึ้นกว่าเดิม

• ขอความช่วยเหลือจากผู้รู้

• เปลี่ยนเป้าหมายใหม่

ทั้งนี้วงจร PDCA จะต้องหมุนต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด เพื่อผลักดันเป้าหมายให้สูงขึ้นต่อๆไป บัญชีทางการบริหารนำวงจรนี้มาใช้ประโยชน์เพื่อให้วงจรการบริหารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!!


ทความโดย : www.th.jobsdb.com
 1156
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

สินทรัพย์ในทางบัญชี หมายถึง ทรัพยากรที่มีและอยู่ในการควบคุมของกิจการ สินทรัพย์นี้อาจจะเป็นสิ่งที่มีตัวตนหรือไม่มีตัวตนก็ได้ ซึ่งสามารถตีราคามูลค่าเป็นเงินได้ ทรัพยากรดังกล่าวเป็นผล ของ เหตุการณ์ในอดีต ซึ่งกิจการคาดว่าจะได้รับประโยชน์เชิงเศรษฐกิจจากทรัพยากรนั้นในอนาคตเราสามารถ
ความหมายของ สินค้าคงเหลือในทางการบัญชี คือ ทรัพย์สินที่กิจการมีไว้เพื่อขาย หรืออาจให้ความหมายโดยละเอียดยิ่งขึ้นว่า สินค้าคงเหลือ คือ “สินค้าสำเร็จรูป งานหรือสินค้าระหว่างทำ วัตถุดิบ และวัสดุใช้ในการผลิตเพื่อขายตามปกติของกิจการ 
ในการทำบัญชีนั้น ผู้ทำบัญชีต้องจัดทำตามมาตรฐานรายงานทางการเงิน แต่สำหรับการยื่นภาษีในทุกๆปี ต้องแสดงรายได้และค่าใช้จ่ายโดยใช้หลักเกณฑ์ประมวลรัษฎากร และเป็นที่แน่นอนว่า การใช้หลักเกณฑ์ที่แตกต่างกัน ย่อมทำให้มีผลต่างเกิดขึ้นระหว่างบัญชีและภาษี 
สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่ทราบว่า เครดิตภาษีเงินปันผลคืออะไร อยากเครดิตภาษีต้องทำอย่างไร แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าควรใช้เครดิตภาษีหรือไม่ เราลองมาไขปัญหาคาใจ เหล่านี้กัน
ค่าใช้จ่ายค้างจ่าย (Accrued Expenses) หมายถึง ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในงวดบัญชีปัจจุบันแล้ว แต่กิจการยังไม่ได้จ่ายเงินจึงยังไม่ได้บัญทึกบัญชี เช่น ค่าแรงงานค้างจ่าย เงินเดือนค้างจ่าย ดอกเบี้ยค้างจ่าย เป็นต้น กิจการจึงจำเป็นต้องปรับปรุงบัญชีโดยเพิ่มค่าใช้จ่ายของงวดบัญชีปัจจุบันแล้วตั้งเป็นหนี้สินไว้
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ก็คือ “เงิน” ที่ผู้จ่ายเงิน “หัก” ไว้ก่อนที่จะจ่ายให้กับผู้รับเงิน แล้วเอาเงินนั้นไปให้กับรัฐ นั่นทำให้ผู้รับเงินไม่ได้รับเงินเต็มจำนวนครับ แต่จะได้เงินบวกกระดาษแผ่นนึงที่เรียกว่า “หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย” ส่วนผู้จ่ายเงินยังต้องจ่ายเต็มนะครับ เพียงแต่จ่ายให้กับผู้รับเงินโดยตรงส่วนนึง แล้วให้สรรพากรอีกส่วนนึง หน้าที่หัก ณ ที่จ่าย เป็นหน้าที่ของผู้จ่าย ทั้ง บุคคลธรรมดา และ นิติบุคคล

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์