ความแตกต่างระหว่างกำไรทางบัญชีกับกำไรทางภาษี

ความแตกต่างระหว่างกำไรทางบัญชีกับกำไรทางภาษี


ภาษีเงินได้หมายถึงภาษีทั้งสิ้นที่กิจการต้องจ่ายทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งเป็นภาษีเงินได้ที่คำนวณจากกำไร นอกจากนี้ภาษีเงินได้ยังรวมถึงภาษีประเภทอื่น เช่น ภาษีหักณ.ที่จ่ายของบริษัท บริษัทร่วม หรือกิจการร่วมค้าหักไว้จากการแบ่งปันส่วนทุนหรือกำไรให้กับกิจการ ในการดำเนินธุรกิจนั้น เมื่อมีกำไรธุรกิจจะต้องจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลให้แก่รัฐบาล ซึ่งภาษีเงินได้ดังกล่าวนั้นถูกคำนวณขึ้นตามกฎหมายของภาษีอากร โดยใช้ระเบียบใช้แนวทางปฏิบัติของกรมสรรพากร ซึ่งกฎหมาย ระเบียบ หรือแนวปฏิบัตินั้นอาจแตกต่างจากวิธีการทางบัญชีของกิจการซึ่งได้กระทำตามหลักการบัญชีที่รับรองทั่วไป กำไรสุทธิที่คำนวณตามหลักการบัญชีจึงแตกต่างจากกำไรสุทธิตามหลักเกณฑ์ภาษีอากร จึงมีผลทำให้ภาษีเงินได้นิติบุคคลที่บันทึกเป็นค่าใช้จ่ายตามหลักการบัญชีแตกต่างจากภาษีเงินได้นิติบุคคลซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีอากร จำนวนที่แตกต่างนั้นก็คือ ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีนั่นเอง

ความแตกต่างของกำไรทางบัญชีกับกำไรทางภาษีอาจเกิดขึ้นจากความแตกต่างของจำนวนค่าใช้จ่ายหรือความแตกต่างของรายได้ที่รับรู้ในแต่ละงวด ในด้านค่าใช้จ่าย ในบางกรณีรายการบางรายการถือเป็นค่าใช้จ่ายตามหลักการบัญชี แต่ทางภาษีไม่ถือเป็นค่าใช้จ่าย เช่น ค่ารับรองส่วนที่เกินกฎหมายกำหนด หรือบางกรณีทางบัญชีถือเป็นค่าใช้จ่ายมากกว่าหรือน้อยกว่าทางภาษี เช่น ค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์ ส่วนในด้านรายได้บางกรณีทางบัญชีอาจถือเป็นรายได้ทั้งจำนวน แต่ในทางภาษีไม่ถือเป็นรายได้ เช่น กรณีรายได้เงินปันผล เป็นต้นจากความแตกต่างของรายได้ทางบัญชีกับทางภาษี และความแตกต่างของค่าใช้จ่ายทางบัญชีกับทางภาษี จึงส่งผลให้กำไรทางบัญชีแตกต่างจากกำไรทางภาษี ซึ่งความแตกต่างดังกล่าวมีมากมายหลายประเด็น เช่น

  1. ค่ารับรอง เมื่อเกิดค่าใช้จ่ายประเภทค่ารับรองขึ้น ตามหลักการบัญชีจะบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายทั้งจำนวนแต่ตามกฎหมายภาษีอากรกำหนดให้จำนวนค่ารับรองที่ถือเป็นค่าใช้จ่ายได้ต้องไม่เกินร้อยละ 3 ของยอดขายหรือทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว แล้วแต่จำนวนใดจะมากกว่า

ตัวอย่าง เช่น บริษัท YK จำกัดมียอดขาย 10 ล้านบาท และได้มีค่ารับรองเป็น 350,000 บาท

ค่ารับรองที่ถือเป็นค่าใช้จ่ายตามเกณฑ์ภาษีอากร 10,000,000×3% =  300,000 บาท

ค่ารับรองที่ถือเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชี =  350,000 บาท

ผลต่าง =  50,000 บาท

ซึ่งผลต่าง 50,000 บาทจำนวนนี้ไม่สามารถนำมาคำนวณเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อคำนวณภาษีอีกไม่ว่าในปีใดๆ ดังนั้น ในปีภาษีนี้ บริษัท YK จำกัดจึงมีกำไรทางบัญชี น้อยกว่ากำไรทางภาษี 50,000 บาท

  1. ค่าใช้จ่ายหนี้สูญ ตามหลักการบัญชีจะประมาณการหนี้สงสัยจะสูญขึ้นและบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายในงวดนั้นๆ แต่ตามหลักเกณฑ์ทางภาษี รายหนี้สูญที่จะถือเป็นค่าใช้จ่ายของงวดนั้นได้จะต้องมีการติดตามทวงถามลูกหนี้จนถึงที่สุดตามแนวทางที่กฎหมายภาษีอากรกำหนด ดังนั้นจำนวนที่ถือเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชี ซึ่งอาจไม่อยู่ในงวดเดียวกันกับจำนวนที่ถือเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษี

ตัวอย่าง ในปี 2561 บริษัท YK จำกัดได้ประมาณหนี้สงสัยจะสูญและบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายจำนวน 60,000 บาท แต่ทางเกณฑ์ภาษีอากรยังไม่ถือเป็นค่าใช้จ่ายและในปี 2562 กิจการก็ยังติดตามทวงถามไม่ได้และเข้าเงื่อนไขต่างๆ ที่จะถือเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษี ดังนั้นจำนวนเงินที่จะถือเป็นค่าใช้จ่ายสรุปได้ดังนี้

ถือเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีในปี 2561  =  60,000  บาท

ถือเป็นค่าใช้จ่ายในทางภาษีในปี 2561 = 0  บาท

ผลต่าง  = 60,000  บาท

ถือเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษี ปี 2562 = 60,000  บาท

ซึ่งจะเห็นได้ว่าในปี 2561 กำไรทางบัญชีในปี 2561จะน้อยกว่ากำไรทางภาษีอยู่ 60,000 บาท แต่ในปี 2562 กำไรทางภาษีจะน้อยกว่ากำไรทางบัญชีอยู่ 60,000 บาท ผลต่างของกำไรในปี 2561 ซึ่งถือเป็นผลต่างที่สามารถชดเชยในปี 2562

  1. ค่าเสื่อมราคา ทางบัญชีจะประมาณค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์โดยคำนึงถึงความสมเหตุสมผลของประโยชน์การใช้งานของสินทรัพย์ แต่ทางภาษีกฎหมายได้กำหนดหักค่าสึกหลอและค่าเสื่อมราคาไว้ไม่เกินร้อยละของมูลค่าต้นทุนตามประเภทของสินทรัพย์ เช่น

ตัวอย่าง             ประเภทสินทรัพย์                  ร้อยละ

อาคารถาวร                                                       5

อาคารชั่วคราว                                                  100

เครื่องจักร และอุปกรณ์                                     20

บริษัท YK จำกัด ประมาณอายุการใช้งานของเครื่องจักรประเภทเครนสำหรับยกสินค้า โดยเครนมีราคาทุน 160,000 บาท และจากประสบการณ์ที่ผ่านมาบริษัททราบว่าเครนจะมีอายุการใช้งาน 8 ปี บริษัทบันทึกค่าเสื่อมราคาโดยวิธีเส้นตรง ทั้งนี้จำนวนค่าเสื่อมราคาที่กฎหมายให้หักเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเครื่องจักรคือร้อยละ 20 ของมูลค่าต้นทุน การคำนวณค่าเสื่อมราคาของปี จะแสดงได้ดังนี้

ค่าเสื่อมราคาที่ถือเป็นค่าใช้จ่ายตามหลักการบัญชี 160,000/8   =  20,000 บาท

ค่าเสื่อมราคาที่ถือเป็นค่าใช้จ่ายตามเกณฑ์ภาษี 160,000*20%  =  32,000 บาท

ผลต่าง                                                                                        =  12,000  บาท

เนื่องจากค่าเสื่อมราคาที่ถือเป็นค่าใช้จ่ายตามหลักการบัญชีน้อยกว่าตามเกณฑ์ภาษี ดังนั้นกำไรทางบัญชีจึงมากกว่ากำไรทางภาษีอยู่ 12,000 บาท

  1. การส่งสินค้าออกไปต่างประเทศตามคำสั่งสำนักงานใหญ่ สาขา บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนในเครือเดียวกัน ตามหลักการบัญชีนั้น การที่สาขาส่งสินค้าไปให้สำนักงานใหญ่ไม่ถือว่าเป็นการขายสินค้าและไม่ถือว่าเป็นรายได้
  2. รายได้เงินปันผล การที่กิจการมีเงินลงทุน เมื่อได้รับเงินปันผล จะนำเงินปันผลที่ได้มาบันทึกเป็นรายได้ทั้งจำนวน แต่ในทางภาษีอากรอาจไม่ต้องนำมาเป็นรายได้ทั้งจำนวน
  3. ผลขาดทุนสุทธิ ในกรณีที่กิจการประสบภาวะขาดทุนในปีที่ผ่านๆมา ตามหลักการบัญชี กิจการไม่สามารถนำผลขาดทุนสุทธิมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในงวดใดๆได้ แต่ตามเกณฑ์ภาษี กิจการสามารถนำผลขาดทุนสุทธิ ซึ่งคำนวณตามกฎหมายภาษีอากรมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในการคำนวนกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้

สรุป  ความแตกต่างของกำไรทางบัญชีกับกำไรทางภาษี มีดังนี้

  1. ค่ารับรอง
  2. ค่าใช้จ่ายหนี้สูญ
  3. ค่าเสื่อมราคา
  4. การส่งสินค้าออกไปต่างประเทศตามคำสั่งสำนักงานใหญ่
  5. รายได้เงินปันผล



ที่มา : Link
 738
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกองค์กรธุรกิจ เป็นโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาด ความเสียหาย การรั่วไหล ความสูญเปล่าหรือเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคต และมีผลกระทบ ที่จะทำให้การดำเนินงานไม่ประสบความสำเร็จหรือบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร ที่กำหนดไว้ งานบัญชีเป็นงานที่มีความสำคัญมากของทุกองค์กร มีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลบัญชีและ การเงิน ซึ่งต้องมีความถูกต้องสำหรับผู้ประกอบการนำไปใช้ในการตัดสินใจ และมีความน่าเชื่อถือ สำหรับบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามงานบัญชีก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดข้อผิดพลาดซึ่งจะก่อ ให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร ผู้ประกอบการจะรับมือกับความเสี่ยงในงานบัญชีได้อย่างไร บทความนี้ มีคำตอบ
การทำบัญชี จะทำให้กิจการทราบผลการดำเนินงานฐานะทางการเงินของธุรกิจและความมั่นคงของธุรกิจโดยในการจัดทำบัญชีของสำนักงานบัญชีนั้นจะบันทึกบัญชีรายการต่างๆ ที่เกิดขึ้นในการดำเนินธุรกิจ เช่น การลงทุนรายรับ และ รายจ่าย ที่เป็นของกิจการนั้นโดยไม่นำส่วนที่เป็นของส่วนตัว(ส่วนของเจ้าของ) เข้ามาบันทึกด้วยเมื่อมีการบันทึกรายการต่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วข้อมูลที่ได้บันทึกไว้นั้นจะสามารถนำมาจัดทำเป็นรายงานทางการเงินได้ เช่น งบดุลและงบกำไรขาดทุนซึ่งเป็นภาพสะท้อนในการดำเนินธุรกิจดังนี้ คือ
ค่าเสื่อมราคา หรือ Depreciation Expense เป็นการหักค่าใช้จ่ายสินทรัพย์ถาวรในแต่ละปี เนื่องจากสินทรัพย์ถาวรมีต้นทุนสูง และใช้งานได้เกินกว่า 1 รอบระยะเวลาบัญชี โดยหลักการจึงสามารถตัดเป็นรายจ่ายได้ในแต่ละปีเป็นค่าเสื่อมราคา อธิบายอย่างเข้าใจง่าย ค่าเสื่อมราคาคือหลักการทางบัญชี เพราะถ้าไม่มีวิธีหักค่าเสื่อมของสินทรัพย์แล้วนั้น เงินที่ลงทุนซื้อสินทรัพย์จำพวกนั้นก็จะกลายเป็นค่าใช้จ่ายไปทันทีทั้งก้อนซึ่งจะมีผลต่องบกำไรขาดทุน เราจึงจำเป็นต้องมาทะยอย หักเป็นค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับอายุการใช้งานเพื่อให้การคิดต้นทุนค่าใช้จ่ายเหมาะสมกับการคำนวณกำไรขาดทุนภาษี
ปัจจุบันนี้ผู้คนจำนวนมากเลือกหันหลังให้กับการทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนหรือมนุษย์ออฟฟิศแล้วเปลี่ยนมาทำธุรกิจจดทะเบียนบริษัทเป็นของตัวเองเพราะต้องการเป็นนายตัวเองและอยากมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเป็นเจ้าของธุรกิจ จึงจะเห็นว่าเจ้าของธุรกิจหลายคนไม่ได้เป็นคนที่มีความรู้พื้นฐานในการทำธุรกิจตั้งแต่แรก แต่หันมาเริ่มต้นตั้งใจและให้ความสนใจพร้อมกับมุ่งมั่นในการหาความรู้เพื่อสร้างธุรกิจของตนเองจนเรียกได้ว่าวันนี้มีธุรกิจ Start up มากมายที่มีแนวโน้มจะก้าวทันรายใหญ่ อย่างไรก็ตามในการทำธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งไม่เพียงอาศัยความรู้หรือวางแผนบริหารจัดการองค์กร วางแผนการโฆษณาหรือสร้างแบรนด์เพื่อแจ้งเกิดให้กับบริษัทหรือเพื่อเพิ่มรายได้ผลกำไรเท่านั้น ยังมีเรื่องสำคัญอย่างการจดทะเบียนธุรกิจและอีกเรื่องหนึ่งที่คนทำธุรกิจไม่สามารถมองข้ามไปได้เพราะนับว่าเป็นผลต่อการทำธุรกิจในระยะยาว กล่าวคือต้องรู้เพื่อไม่ให้พลาดและเป็นการทำตามกฎหมายที่ได้กำหนดนั่นคือการยื่นหนังสือบริคณห์สนธิ เอกสารสำคัญที่แสดงให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งบริษัทหรือธุรกิจนั้น ๆ ทั้งนี้ยังถือว่าเป็นการสร้างความไว้วางใจให้กับคู่ค้าหรือสร้างความน่าเชื่อถือได้อีกระดับ มาดูกันว่า“หนังสือบริคณห์สนธิ”คืออะไรมาทำความเข้าใจง่าย ๆ ในบทความนี้กันได้เลย
การ outsource งานทำบัญชี เป็นอีกหนึ่งทางเลือก ที่ช่วยลดต้นทุนให้กับกิจการได้ เพราะเมื่อเทียบกับการจ้างพนักงานบัญชีประจำกิจการแล้ว การ outsource จ้างผู้รับจ้าทำบัญชีภายนอก มักจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่า   วันนี้เราจะมาดูกันว่า ผู้ให้บริการทำบัญชี นั้นมีกี่แบบ  เพื่อที่ผู้ประกอบการจะได้พิจารณาเลือกแบบที่คิดว่าเหมาะสมกับกิจการตน

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์