AI จะกลายเป็นเพื่อนใหม่ของนักบัญชีหรือไม่ ?

AI จะกลายเป็นเพื่อนใหม่ของนักบัญชีหรือไม่ ?



AI คืออะไร
มาทำความรู้เบื้องต้นกันก่อน

ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า "AI" คือ เทคโนโลยีที่สร้างขึ้นเพื่อให้คอมพิวเตอร์หรือเครื่องจักรสามารถทำงานหรือประมวลผลข้อมูลได้เสมือนกับสมองของมนุษย์ โดย AI สามารถเรียนรู้ (Learning) คิดวิเคราะห์ (Reasoning) และปรับปรุงหรือแก้ไขตัวเองได้ (Self-correction) ในกระบวนการทำงาน ซึ่งถูกนำมาใช้ในหลายด้าน เช่น หุ่นยนต์ การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing) การรู้จำภาพ และระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert Systems)

AI สามารถเข้ามาช่วยงานบัญชีได้ในหลายด้าน โดยการใช้เทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานบัญชี ลดความผิดพลาดในการบัญชี สามารถจัดการข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และประหยัดเวลาในกระบวนการทำงาน สำหรับงานที่ AI สามารถเข้ามาช่วยงานบัญชีได้ มีดังนี้:

  1. การทำงานซ้ำๆ อัตโนมัติ (Automation of Repetitive Tasks)

    AI สามารถทำงานที่มีลักษณะซ้ำซาก เช่น การป้อนข้อมูล การจัดเรียงเอกสารทางบัญชี และการสร้างรายงานการเงินโดยอัตโนมัติ สร้างเอกสารทางบัญชีด้วยเทคโนโลยี OCR เพียงแค่แสกนเอกสารอย่าง ใบกำกับภาษี/ใบส่งของ ใบสั่งซื้อ ใบรับสินค้า ช่วยให้นักบัญชีทำงานได้รวดเร็วและลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดจากมนุษย์

  1. การประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูล (Data Processing and Analysis)

    AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินจำนวนมากเพื่อสรุปแนวโน้มการเงิน ทำการพยากรณ์ทางการเงิน การพยากรณ์กระแสเงินสด (Cash Flow Forecasting) หรือประเมินประสิทธิภาพของบริษัทได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนการเงินได้ดีขึ้น

  1. การตรวจจับและป้องกันการทุจริต (Fraud Detection)

    ด้วยการใช้ Machine Learning, AI สามารถวิเคราะห์รูปแบบการทำธุรกรรมและตรวจจับสิ่งที่ผิดปกติได้ เช่น ด้านการเงินการธนาคาร และประกันภัย นำ AI เข้ามาช่วยการยืนยันตัวตนอิเล็กทรอนิกส์เพื่อสมัครใช้บริการทางการเงินต่าง ๆ ช่วยในการป้องกันการโกงจากการทำธุรกรรมออนไลน์ การพยายามทุจริตที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งช่วยป้องกันการสูญเสียทางการเงินได้

  1. การเตรียมงบการเงิน (Financial Reporting)

    AI สามารถช่วยจัดทำงบการเงินและรายงานต่างๆ ที่ต้องใช้ในงานบัญชี เช่น งบกำไรขาดทุน งบดุล หรือกระแสเงินสดได้โดยอัตโนมัติ ช่วยลดเวลาในการเตรียมเอกสาร

  1. การบริหารการทำงานร่วมกัน (Collaboration and Workflow Management)

    AI สามารถประสานงานระหว่างทีมงานบัญชี ช่วยให้การทำงานระหว่างฝ่ายหรือแผนกเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น โดยสามารถตรวจสอบความคืบหน้าในการทำงานได้อย่างอัตโนมัติ

  1. การช่วยเหลือด้านภาษี (Tax Assistance)

    AI สามารถช่วยในการคำนวณภาษี จัดทำเอกสารที่เกี่ยวกับภาษี รวมถึงช่วยระบุการยกเว้นภาษีหรือข้อได้เปรียบทางภาษีที่บริษัทอาจใช้ได้

นอกจากข้อดีแล้ว ผลกระทบทางลบของ AI ต่อนักบัญชีก็มีนะ

จากข้อดีของ AI ต่อนักบัญชีที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น ก็ต้องบอกว่าผลกระทบด้านลบก็มีเหมือนกันนะ  ลองมาดูกันค่ะ AI มีผลกระทบทางทางลบยังไงบ้าง

  1. การลดความต้องการในตำแหน่งงานพื้นฐาน อย่างแรกที่จะส่งผลกระทบโดยตรงเลยคือ ตำแหน่งงานในสายบัญชีจะลดลงไป จะเหลือเพียงสายงานที่ AI ทำไม่ได้
  2. ความเสี่ยงจากการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป หากนักบัญชีพึ่งพา AI มากเกินไป โดยไม่ตรวจสอบผลลัพธ์จากระบบด้วยตนเอง อาจนำไปสู่ความผิดพลาดทางบัญชีหรือการวิเคราะห์ที่ไม่ถูกต้อง
  3. ความสามารถและทักษะของนักบัญชีอาจลดลง เมื่องานที่เคยทำด้วยตนเองถูกแทนที่ด้วย AI นักบัญชีอาจสูญเสียทักษะบางอย่าง เช่น การตรวจสอบข้อมูลแบบละเอียด หรือการทำงานที่ต้องใช้การคิดเชิงวิเคราะห์ด้วยมือ ทำให้ทักษะด้านนี้ลดน้อยลง
  4. สภาพแวดล้อมการทำงานที่เปลี่ยนแปลง เช่น อาจจะต้องทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีมากขึ้น และลดใช้กระดาษ ลดใช้พนักงานลง
  5. การลดความต้องการในตำแหน่งงานพื้นฐาน: AI สามารถทำงานบันทึกบัญชีและงานประจำวันต่างๆ ที่เคยเป็นหน้าที่ของนักบัญชีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ความต้องการในตำแหน่งงานระดับเริ่มต้นหรืองานที่ทำซ้ำๆ ลดลง
  6. ความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูล: การใช้ AI ในงานบัญชีอาจเพิ่มความเสี่ยงในการจัดการข้อมูลที่เป็นความลับ หากระบบไม่มีการป้องกันที่เพียงพอ ข้อมูลทางการเงินอาจถูกโจมตีหรือนำไปใช้ในทางที่ผิด

ดังนั้น การใช้ AI แม้ว่าจะมีประโยชน์อย่างมาก แต่การเตรียมตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาทักษะใหม่ๆ เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักบัญชีในการปรับตัวด้วยเช่นกัน

สรุป การนำเอา AI มาใช้กับงานบัญชี ช่วยให้นักบัญชีทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สามารถประมวลผลข้อมูลทางการเงิน รวดเร็วและแม่นยำ แต่ AI ยังขาดความสามารถในการทำงานที่ต้องใช้ความเข้าใจ และนักบัญชีเองยังนับว่ามีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในการตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของงานบัญชี แม้ว่า AI จะมีประโยชน์อย่างมากก็ตาม การเตรียมตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาทักษะใหม่ๆของตนเอง ก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักบัญชีในการปรับตัวด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ถ้าหากนักบัญชีมีโปรแกรมบัญชี ที่สามารถเข้ามาช่วยงานบัญชี ควบคู่ไปกับ AI คงจะดีไม่น้อยเลยทีเดียว เราขอแนะนำโปรแกรมบัญชี Prosoft WINSpeed ที่ตอบโจทย์นักบัญชีและเจ้าของธุรกิจยุคใหม่ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้งานบัญชีนั้นให้เป็นเรื่องง่าย

ข้อมูลอ้างอิง : blog.cpdacademy.co

 113
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การปิดงบการเงินแบบ normal อาจจะเป็นเรื่องไม่ normal อีกต่อไป ตั้งแต่มี Covid-19 เข้ามา แทบจะทุกธุรกิจได้รับผลกระทบจากโควิด เริ่มตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ และแน่นอนว่าผลกระทบเหล่านี้ย่อมต้องสะท้อนออกมาในงบการเงินอย่างถูกต้องและเหมาะสมเช่นกัน ก่อนจะปิดบัญชีปีนี้มีจุดเสี่ยงสำคัญอะไรในงบการเงินบ้างที่นักบัญชีต้องเรียนรู้ เราขออาสาพาทุกท่านมาทำความเข้าใจไปพร้อมๆ กันเลย ในบทความนี้ค่ะ
VES หรือ VAT for Electronic Service เป็นระบบที่กรมสรรพากรได้จัดทําขึ้นเพื่ออํานวยความสะดวกให้กับธุรกิจไอทีข้ามชาติที่ให้บริการ e-Service จากต่างประเทศ ซึ่งต้องมาจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มกับกรมสรรพากร ให้สามารถทําธุรกรรมภาษีผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ทั้งหมด ตั้งแต่การจดทะเบียน การยื่นแบบการชําระภาษี การจัดทําเอกสาร การรับเอกสาร และการส่งเอกสาร ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ชื่อว่านักบัญชีก็คือผู้ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตามข้อกำหนดของหน่วยงานควบคุมการประกอบอาชีพทางด้านวิชาบัญชี นักบัญชี ก็ไม่ใช่นักกฎหมาย แต่การทำงานทั้งหมดมีกฎหมายกำกับทั้งสิ้น เคยมีคำกล่าวของท่านผู้รู้ในอดีตกล่าวเปรียบเทียบระหว่างนักกฎหมายกับนักบัญชีไว้ว่า
งบการเงินรวมเป็นรายงานทางการเงินที่จัดทำขึ้นเพื่อให้ทราบถึงผลประกอบการของกลุ่มกิจการ โดยงบการเงินรวมนำเสนอเสมือนว่ากลุ่มกิจการนั้นเป็นกิจการเดียว ฉะนั้นการจัดทำงบการเงินรวมมีความสำคัญมากต่อการที่นักวิเคราะห์ทางการเงิน หรือผู้ใช้งบการเงินที่ต้องการพิจารณางบการเงินของกลุ่มกิจการ โดยประโยชน์ของการวิเคราะห์งบการเงิน ยังคงไม่แตกต่างจากประโยชน์การวิเคราะห์งบการเงินของกิจการใดกิจการหนึ่ง คือทำให้ผู้ใช้งบการเงินรวมสามารถนำผลการวิเคราะห์ไปใช้ตัดสินใจทางการเงิน การเลือกลงทุนในกลุ่มกิจการ หรือใช้พยากรณ์อนาคตผลประกอบการและฐานะทางการเงินของกลุ่มกิจการ หรือใช้เป็นเครื่องมือการวินิจฉัยปัญหาของการบริหารงาน การดำเนินงาน หรือใช้เป็นเครื่องมือประเมินผล (Evaluation) ของฝ่ายบริหาร
ค่าเสื่อมราคา หรือ Depreciation Expense เป็นการหักค่าใช้จ่ายสินทรัพย์ถาวรในแต่ละปี เนื่องจากสินทรัพย์ถาวรมีต้นทุนสูง และใช้งานได้เกินกว่า 1 รอบระยะเวลาบัญชี โดยหลักการจึงสามารถตัดเป็นรายจ่ายได้ในแต่ละปีเป็นค่าเสื่อมราคา อธิบายอย่างเข้าใจง่าย ค่าเสื่อมราคาคือหลักการทางบัญชี เพราะถ้าไม่มีวิธีหักค่าเสื่อมของสินทรัพย์แล้วนั้น เงินที่ลงทุนซื้อสินทรัพย์จำพวกนั้นก็จะกลายเป็นค่าใช้จ่ายไปทันทีทั้งก้อนซึ่งจะมีผลต่องบกำไรขาดทุน เราจึงจำเป็นต้องมาทะยอย หักเป็นค่าใช้จ่ายให้เหมาะสมกับอายุการใช้งานเพื่อให้การคิดต้นทุนค่าใช้จ่ายเหมาะสมกับการคำนวณกำไรขาดทุนภาษี

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์