sale@onlinesoft.co.th
02-402-6117
,
081-359-6920
Menu
Home
Products
Sales Order - ระบบขาย
Purchase Order - ระบบจัดซื้อ
Accounts Receivable - ระบบบัญชีลูกหนี้
Accounts Payable - ระบบบัญชีเจ้าหนี้
Inventory Control - ระบบสินค้าคงเหลือ
General Ledger - ระบบบัญชีแยกประเภท
Financial Management - ระบบงบการเงิน
Budget Control - ระบบควบคุมงบประมาณ
Cheque and Bank - ระบบเช็คและธนาคาร
Import & Export - ระบบนำเข้าและส่งออกข้อมูล
Multi-Currency - ระบบอัตราแลกเปลี่ยนสกุล
Value Added Tax - ระบบภาษี
Audit & Internal Control - ระบบตรวจสอบและควบคุมภายใน
Fixed Assets - ระบบคำนวณค่าเสื่อมราคา
Payroll - ระบบคำนวณเงินเดือน
ESS ระบบลาออนไลน์
Services
จองอบรม Online
วีดีโอสอนการใช้งาน
คู่มือการใช้งาน
คำถามที่พบบ่อย FAQs
บริการ Maintenance
ข้อเสนอแนะโปรแกรม
Download Brochure
Partners
Partners สำหรับสำนักงานบัญชี
รายชื่อ Partners สำนักงานบัญชี
News
ข่าวสาร
บทความบัญชี
บทความบริหาร
About Us
เกี่ยวกับเรา
แนวคิดการบริหาร
Office Location
ร่วมงานกับเรา
นโยบายการรักษาข้อมูล
Contact Us
ทดลองใช้งาน
หน้าแรก
News
บทความบัญชี
ขั้นตอนการจ่ายภาษีของบริษัทนิติบุคคล
ขั้นตอนการจ่ายภาษีของบริษัทนิติบุคคล
ย้อนกลับ
หน้าแรก
News
บทความบัญชี
ขั้นตอนการจ่ายภาษีของบริษัทนิติบุคคล
ขั้นตอนการจ่ายภาษีของบริษัทนิติบุคคล
ย้อนกลับ
ธุรกิจนิติบุคคลหรือการดำเนินธุรกิจที่มีเจ้าของกิจการอยู่รวมกันมากกว่า หนึ่งคนขึ้นไปนั้น ไม่ว่าจะอยู่ในรูปลักษณะของบริษัททั่วไปทั้งธรรมดาและมหาชน ห้างหุ้นส่วนจำกัด กิจการร่วมค้า มูลนิธิหรือสมาคม ฯลฯ ที่ได้ไปทำการขึ้นจดทะเบียนไว้เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายกับทางหน่วยงานราชการ มีหน้าที่ที่จะต้องทำการเสียภาษีเช่นเดียวกันกับบริษัทส่วนบุคคลทั่วๆไป แต่ จะมีข้อได้เปรียบตรงที่เนื่องจากเป็นองค์กรที่ดำเนินการในเรื่องการทำธุรกิจ อย่างเต็มตัวจึงมีอัตราการเสียภาษีสูงสุดแค่ 30% และจะน้อยกว่านั้นถ้าทุนของการจดทะเบียนไม่ถึง 5 ล้านบาท
อีกทั้งสามารถหักค่าลดหย่อนและมีความยืดหยุ่นได้มากกว่าบริษัทส่วนบุคคลธรรมดาทั่วไปหลายเท่าตัวนัก แต่จะมีข้อเสียตรงที่กฎหมายได้ทำการระบุไว้ให้ต้องมีการจัดทำบัญชีเพื่อใช้ ในการตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย ซึ่งในส่วนของรายละเอียดจะมีค่อนข้างมากและลึกกว่าโดยทั่วไป ซึ่งจะขอกล่าวคร่าวๆถึงขั้นตอนการเสียภาษีของธุรกิจนิติบุคคลดังต่อไปนี้
1. ขั้นตอนการขอจดทะเบียน
บริษัทนิติบุคคลจะมีขั้นตอนในส่วนของการจดทะเบียนที่จะต้องดำเนินการที่คล้ายคลึงกันกับบริษัทส่วนบุคคลธรรมดาทั่วไป คือ
ส่วนที่ 1
ต้องเริ่มไปดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัทนิติบุคคลก่อน โดยสามารถไปขอจดทะเบียนได้ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ หรือจะใช้วิธีการจดทะเบียนออนไลน์ก็ ได้เช่นเดียวกัน จากนั้นจึงไปจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจที่สำนักบริการจดทะเบียนธุรกิจ กระทรวงพาณิชย์เช่นเดียวกัน ถ้าอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัดให้ไปดำเนินการจดทะเบียนได้ที่พาณิชย์จังหวัด
ส่วนที่ 2
การยื่นขอจดทะเบียนขอมีเลขและบัตรประจำตัวผู้เสียภาษี ต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 60 วันนับจากวันที่ได้จดทะเบียนก่อตั้งเป็นบริษัทนิติบุคคล และจำเป็นต้องยื่นทำการจดทะเบียนในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่มควบคู่กันไปด้วย ซึ่งการจดทะเบียนภาษีทั้ง 2 อย่างสามารถดำเนินการได้ที่กรมสรรพากร
2. การคำนวณภาษี
การคำนวณภาษีเงินได้บริษัทนิติบุคคลจะมีวิธีการคำนวณที่ค่อนข้างจะ ละเอียดและซับซ้อนกว่าภาษีเงินได้ประเภทบริษัทส่วนบุคคล โดยวิธีการคำนวณเบื้องต้น คือ ทำการคำนวณหาในส่วนของรายรับและรายจ่ายตลอดทั้งปี(12 เดือน หรือ 6 เดือนในกรณีของบริษัทนิติบุคคลที่เพิ่งจะตั้งใหม่) ให้ออกมาเป็นผลกำไรประกอบการสุทธิ ซึ่งผลกำไรสุทธิที่ได้ออกมาจะต้องสามารถยื่นแสดงเป็นเอกสารในทางบัญชีถึงที่ มาที่ไปรายรับรายจ่ายได้ โดยมีวิธีการคิดอัตราภาษีดังนี้ บริษัทนิติบุคลที่มีทุนการจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท มีผลกำไรสุทธิไม่เกิน 1 ล้านบาทจะต้องทำการเสียภาษี 15% มีผลกำไรสุทธิอยู่ระหว่าง 1-3 ล้านบาท จะต้องเสียภาษี 25% และถ้ามีกำไรที่มากกว่า 3 ล้านบาทขึ้นไปจะต้องเสียภาษีในอัตรา 30% เท่านั้น ส่วนบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนเกิน 5 ล้านบาท จะเสียภาษีจากผลกำไรของการประกอบการสุทธิอยู่ที่ 30% ส่วนภาษีมูลค่าเพิ่มจะใช้วิธีการคำนวณจากภาษีขายหักด้วยภาษีซื้อในแต่ละ เดือนแล้วจึงนำมายื่นชำระภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป โดยข้อมูลวิธีการคิดคำนวณภาษีทั้ง 2 แบบสามารถดูเพิ่มเติมได้จากทางเว็บไซต์ของกรมสรรพากร
ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการคิดคำนวณภาษีทั้ง 2 แบบของบริษัทนิติบุคคลควรจะให้ฝ่ายบัญชีเป็นผู้คิดคำนวณให้หรือถ้าเป็น บริษัทที่เพิ่งจะก่อตั้งใหม่ยังไม่มีฝ่ายบัญชีก็ต้องทำการจ้างบริษัทที่รับ ทำบัญชีโดยด่วน เพื่อจะได้เข้ามาช่วยในเรื่องการดูแลทางด้านการเงินทั้งในส่วนของรายรับราย จ่ายและเรื่องการเสียภาษีตั้งแต่เริ่มต้นของบริษัท ไม่ควรที่จะเป็นผู้ดำเนินการด้วยตนเองเพราะเนื่องจากมีความซับซ้อนมากในราย ละเอียด อีกทั้งยังติดขัดในเรื่องของข้อกฎหมายที่กำหนดให้บริษัทนิติบุคคลต้องมีนัก บัญชีที่จบมาทางด้านนี้โดยตรงตามวุฒิการศึกษาเป็นผู้ดำเนินการด้วย
3. การยื่นภาษี
ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้บริษัทนิติบุคคลต้องทำการขอยื่นแบบภาษีปีละ 2 ครั้ง ครั้งแรกเรียกกันว่าการยื่นเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งรอบ(ครึ่งปี) ซึ่งจะต้องยื่นภายใน 60 วันนับจากวันสุดท้ายของทุก 6 เดือนแรกของรอบรยะเวลาบัญชี โดยใช้เอกสาร ภ.ง.ด.51 เท่านั้นในการยื่นเรื่อง ครั้งที่สองหรือที่เรียกว่าการยื่นภาษีเงินได้จากกำไรสุทธิเมื่อสิ้น รอบ(สิ้นปี) ต้องยื่นภายใน 150 วันนับจากวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีในปีนั้น โดยแบบเอกสารที่ใช้ในการยื่นคือ ภ.ง.ด.50 ซึ่งในการยื่นทั้ง 2 ครั้งสามารถมาทำการยื่นด้วยตนเองหรือจะให้ตัวแทนที่ได้รับมอบอำนาจจากบริษัท มาทำการยื่นแทนก็ได้ที่กรมสรรพากรถ้าอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร แต่ถ้าอยู่ในต่างจังหวัดสามารถยื่นได้ที่ที่ว่าการอำเภอที่บริษัทตั้งอยู่ นอกจากนี้ในปัจจุบันทั้ง ภ.ง.ด.51 และ ภ.ง.ด.50 สามารถยื่นแบบออนไลน์ได้แล้วที่เว็บไซต์ของกรมสรรพากร
4. การชำระภาษี
สถานที่ที่ใช้ชำระเงินภาษีนิติบุคคลถ้าเป็นในเขตกรุงเทพมหานครให้มาชำระ ได้ที่กรมสรรพากรหรือธนาคารพาณิชย์ที่เป็นของประเทศไทย ส่วนในพื้นที่ต่างจังหวัดให้ไปชำระได้ที่สรรพากรที่ตั้งอยู่บนที่ว่าการ อำเภอ หรือธนาคารพาณิชย์ของไทยที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับที่สำนักงานใหญ่ของทางบริษัทตั้งอยู่ หรือ
ยื่นแบบและชำระภาษีออนไลน์
เนื่องจากการจ่ายภาษีในส่วนของบริษัทนิติบุคคลเป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก ดังนั้นควรที่จะมีพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องบัญชีโดยเฉพาะและมีใบ อนุญาตอย่างถูกต้องเป็นผู้ดูแลให้ ส่วนผู้ประกอบการเจ้าของธุรกิจก็ควรรู้ไว้แค่ในส่วนของหลักการเบื้องต้นก็ น่าจะพอ
การมีนักบัญชีที่มีความเชี่ยวชาญอยู่ในบริษัทเปรียบเสมือนการมีเพชรน้ำดี ไว้ในครอบครองเลยก็ว่าได้ เพราะความเชี่ยวชาญของนักบัญชีจะอาศัยช่องว่างทางกฎหมายที่สามารถพอจะยอมรับ ได้ทำการซิกแซกหาช่องทางช่วยให้บริษัทจ่ายภาษีที่น้อยลงมากกว่าเดิมจากอัตรา ปกติ ซึ่งควรต้องระลึกไว้อยู่เสมอว่าการซิกแซกนี้ไม่ได้หมายถึงว่าจะไม่จ่ายค่า ภาษีให้ประเทศชาติเลย แต่เป็นการจ่ายที่น้อยลงจากปกติตามที่กฎหมายได้เปิดช่องเอาไว้ให้ไม่ได้เป็น การกระทำผิดกฎหมายแต่ประการใด และอย่าคิดที่จะไม่จ่ายภาษีเป็นอันขาดเพราะรับรองว่าสุดท้ายสรรพากรจะต้อง ตามตรวจเจอและจะมีบทลงโทษอย่างร้ายแรงตามมาในท้ายที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่าเสียเลยที่ผู้ประกอบการจะต้องไปเสี่ยงอย่างแน่นอน
สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!!
บทความโดย
: incquity.com
872
ผู้เข้าชม
บทความที่เกี่ยวข้อง
ภาษี หัก ณ ที่ จ่าย คืออะไร เข้าใจเรื่องภาษีแบบง่ายๆ ในปี 2021
ภาษี หัก ณ ที่ จ่าย คืออะไร เข้าใจเรื่องภาษีแบบง่ายๆ ในปี 2021
ภาษี หัก ณ ที่จ่าย เป็นภาษีที่คนวัยทำงานทุกคนจะต้องเคยเห็น แต่หลายคนก็อาจจะไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ใครต้องเป็นคนจ่าย หักเงินยังไง เมื่อไหร่ บทความชิ้นนี้จะมาแนะนำให้เรารู้จักกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย พร้อมระบุประเภทและอัตราการหักภาษีแบบที่เข้าใจง่าย
ทะเบียนพาณิชย์(ร้านค้า/บุคคลธรรมดา)
ทะเบียนพาณิชย์(ร้านค้า/บุคคลธรรมดา)
ผู้มีหน้าที่จดทะเบียนพาณิชย์,กิจการค้าที่เป็นพาณิชยกิจที่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์,พาณิชยกิจที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนพาณิชย์
ย้ายสถานที่ประกอบการ ใบกำกับภาษีเดิมใช้ได้หรือไม่
ย้ายสถานที่ประกอบการ ใบกำกับภาษีเดิมใช้ได้หรือไม่
กรณีย้ายสถานประกอบการและผู้ประกอบการได้แจ้งเปลี่ยนแปลงที่อยู่ต่อหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายและหน่วยงานที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ใบกำกับภาษีที่ออกให้แก่ผู้ซื้อหรือผู้ใช้บริการจะสามารถใช้ใบเดิมได้หรือไม่
ภาษีครึ่งปี สำคัญอย่างไร
ภาษีครึ่งปี สำคัญอย่างไร
หลายคนอาจมีคำถามว่า บุคคลธรรมดาผู้มีเงินได้ก็ยื่นภาษีทุกปีอยู่แล้วทำไมต้องยื่นเสียภาษีครึ่งปีอีก? ซึ่งก็มีแค่บุคคลที่มีเงินได้บางประเภทเท่านั้นที่เข้าข่ายต้องเสียภาษีครึ่งปี โดยการเสียภาษีครึ่งปีนี้ถือเป็นการบรรเทาภาระภาษี เพราะหากไม่มีการยื่นแบบแสดงรายการ ภ.ง.ด. 94 หรือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปี จะต้องยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและชำระภาษีเป็นเงินจำนวนมาก โดยภาษีเงินได้ครึ่งปีที่จ่ายไป สามารถนำไปใช้หักออกจากภาษีประจำปีที่คำนวณได้ ตัวอย่างเช่น นายเอได้ยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาครึ่งปีไปแล้วจำนวน 6,000 บาท พอสิ้นปีนายเอคำนวณภาษีที่ต้องจ่ายเป็นจำนวน 9,000 บาท นายเอก็จ่ายภาษีเพิ่มแค่ 3,000 บาทเท่านั้น (9,000-6,000 บาท)
3 เหตุผลที่ทำไมโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์บัญชีจึงมีประโยชน์
3 เหตุผลที่ทำไมโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์บัญชีจึงมีประโยชน์
การจัดการการเงินของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่าย, ใบเสร็จและสเปรดชีตของรายได้ จำเป็นต้องใช้วิธีต่าง ๆ ในการรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินที่ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งถ้าหากไม่รอบคอบอาจมีความเสี่ยงทำให้ข้อมูลทางการเงินของธุรกิจผิดพลาดได้ อย่างไรก็ตามสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้ด้วยซอฟต์แวร์หรือระบบบัญชีที่ถูกต้อง โดยการจัดเตรียมไฟล์บัญชีที่ทันสมัย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาของการเสียภาษี ทำให้หลาย ๆ ธุรกิจหันมาพึ่งโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์บัญชีเพราะมันสามารถสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจได้มากมายดังต่อไปนี้
เปลี่ยนสำนักงานบัญชี ต้องทำยังไง
เปลี่ยนสำนักงานบัญชี ต้องทำยังไง
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ที่ทำให้กิจการจำเป็นและจำใจต้อง เปลี่ยนสำนักงานบัญชีใหม่ เรื่องที่สำคัญคือ
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี
By SoGoodWeb.com