ภาษีนิติบุคคลมีอะไรบ้าง และต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการยื่นแก่สรรพากร

ภาษีนิติบุคคลมีอะไรบ้าง และต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการยื่นแก่สรรพากร

1.ภาษีเงินได้นิติบุคคล : คือ ภาษีจากกำไรสุทธิ (กำไรสุทธิ = รายได้ – ค่าใช้จ่าย) ที่บริษัทนิติบุคคลมีหน้าที่ต้องจ่ายหากเข้าเกณฑ์ที่กำหนด (รายงาน ภ.ง.ด. 50 และ รายงาน ภ.ง.ด. 51)

รายงาน ภ.ง.ด. 50 คือ รายงานสำหรับรอบสิ้นปี โดยต้องยื่นแบบและชำระภาษีภายใน 150 วันนับจากวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี

รายงาน ภ.ง.ด. 51 คือ รายงานสำหรับรอบครึ่งปี โดยต้องยื่นและชำระภาษีภายใน 2 เดือนนับจากวันสุดท้ายของ 6 เดือนแรกของรอบระยะเวลาบัญชี


2.ภาษีมูลค่าเพิ่ม : คือ ภาษีที่เก็บจากมูลค่าการซื้อขายและการให้บริการภายในประเทศ รวมถึงสินค้านำเข้า โดยจะเก็บเฉพาะผู้ประกอบการมีรายได้มากกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ปัจจุบันภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 7% (รายงานภาษีซื้อ, รายงานภาษีขาย, รายงาน ภพ. 30) และรายงานต่าง ๆ ต้องนำส่งสรรพากรภายในวันที่ 15 ของทุกเดือน

รายงานภาษีซื้อ คือ เอกสารบันทึกจำนวนภาษีซื้อของกิจการที่ถูกผู้ประกอบการจดทะเบียนรายอื่นเรียกเก็บในแต่ละเดือนภาษีภาษีซื้อเกิดขึ้นในเดือนใดก็เป็นภาษีซื้อของเดือนนั้น

รายงานภาษีขาย คือ เอกสารบันทึกจำนวนภาษีขายของกิจการที่เรียกเก็บจากลูกค้าในแต่ละเดือนภาษี ภาษีขายที่เกิดขึ้นในเดือนใดก็เป็นภาษีขายของเดือนนั้น

รายงาน ภพ. 30 คือเอกสารสรุปภาษีซื้อ-ภาษีขาย ที่เจ้าของธุรกิจต้องเอาไว้ใช้ยื่นแสดงภาษีมูลค่าเพิ่มแก่กรมสรรพากรทุกเดือน ไม่ว่าจะมีรายการซื้อขายหรือไม่

3.ภาษีหัก ณ ที่จ่าย : คือ ภาษีที่ถูกหักไว้ล่วงหน้า ซึ่งภาษีประเภทนี้ สามารถขอคืนได้ภายหลังผ่านการขอลดหย่อนตามเงื่อนไขต่าง ๆ (หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย,รายงาน ภ.ง.ด. 2, รายงาน ภ.ง.ด. 3,
รายงาน ภ.ง.ด. 53, รายงาน ภ.ง.ด. 54 และ รายงาน ภพ. 36) แล้วนำส่งสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป

รายงาน ภ.ง.ด. 1 คือ เอกสารที่กิจการต้องแจ้งพนักงานที่มีรายได้ถึงฐานที่ต้องเสียภาษีแล้วเท่านั้น เพื่อยื่นแก่สรรพากร

รายงาน ภ.ง.ด. 2 คือ แบบยื่นภาษีหัก ณ ที่จ่ายที่ต้องนำส่งกรมสรรพากร หากบริษัทมีรายจ่ายที่เป็นเงินได้ประเภท 40(3) และ 40(4)

  • เงินได้ประเภท 40(3) คือ เงินได้พึงประเมินในรูปของ ค่าลิขสิทธิ์ ค่าตอบแทนทรัพย์สินทางปัญญา หรือค่า Goodwill
  • เงินได้ประเภท 40(4) คือ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเงินได้ในรูปของดอกเบี้ย เงินปันผล

รายงาน ภ.ง.ด. 3 คือ แบบยื่นเพื่อแจ้งการหักภาษี ณ ที่จ่าย ของนิติบุคคลที่ทำธุรกรรมกับบุคคลธรรมดา ที่เจ้าของธุรกิจ (นิติบุคคล) จะต้องหักออกจากค่าจ้างที่จ้างบุคคลภายนอกให้มาทำงานให้บริษัท

รายงาน ภ.ง.ด. 53 คือ แบบยื่นเพื่อแจ้งการหักภาษี ณ ที่จ่าย ระหว่างนิติบุคคลด้วยกัน

รายงาน ภ.ง.ด. 54 คือ แบบยื่นหักภาษี ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่นิติบุคคลจ่ายเงินได้ประเภท 40(2) – (6) ให้กับนิติบุคคลที่ตั้งตามกฏหมายต่างประเทศจะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายเพื่อนำส่งกรมสรรพากรโดยการหักภาษี ณ ที่จ่ายจะแบ่งเป็น 2 กรณีดังนี้

  • เงินได้ประเภท 40(2) – 40(6) หักภาษี ณ ที่จ่าย 15%
  • เงินได้ประเภท 40(4) – เงินปันผล หักภาษี ณ ที่จ่าย 10%

รายงาน ภพ. 36 คือ แบบยื่นที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ที่พิเศษก็คือผู้จ่ายค่าสินค้าหรือบริการจะเป็นผู้ยื่นภาษีมูลค่าเพิ่มแทน เนื่องจากผู้ขายหรือผู้ให้บริการไม่ได้เข้ามาประกอบกิจการในประเทศไทย

หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย คือ เอกสารที่ผู้จ่ายเงินที่มีหน้าที่หัก ณ ที่จ่าย ออกให้ผู้รับเงินเมื่อได้ทำการหักเงินบางส่วนไว้ตามข้อกำหนดของกรมสรรพากร โดยหนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่ายนี้ต้องออกให้แก่ผู้รับเงิน 2 ฉบับที่มีข้อความตรงกัน

4.ภาษีธุรกิจเฉพาะ : คือ ธุรกิจซึ่งดำเนินการในประเทศไทยที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ คือธุรกิจประเภท ธนาคารพาณิชย์, ธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์, บริษัทประกันชีวิต, โรงรับจำนำ, กิจการประกอบการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์ และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ (รายงาน ภ.ธ.40) และรายงานต้องนำส่งสรรพากรภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ไม่ว่าจะมีรายรับในเดือนนั้นหรือไม่ก็ตาม

รายงาน ภ.ธ. 40 คือ รายงานภาษีธุรกิจเฉพาะ สำหรับกลุ่มธุรกิจที่สรรพากรกำหนดไว้เท่านั้น

5.อากรแสตมป์ : คือ ภาษีที่จัดเก็บในรูปของดวงแสตมป์ที่ใช้สำหรับปิดบนเอกสารราชการและหนังสือสัญญาต่าง ๆ (แบบ อ.ส. 4) ปกติเสียอากรแสตมป์ได้ 3 วิธี คือ 

1.ติดอากรแสตมป์ทับบนกระดาษแล้วขีดคร่อม
2.ติดแสตมป์ดุนบนกระดาษ (ปัจจุบันไม่เป็นที่นิยม)
3.
เสียอากรแสตมป์ด้วยเงินสด หรือแบบ อ.ส. 4 คือ แบบขอและอนุมัติให้เสียอากรแสตมป์ด้วยเงินสด เพราะกิจการต้องจ่ายค่าอากรแสตมป์เป็นจำนวนมาก



ขอบคุณที่มา : กรมสรรพากร

 391
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

ถึงแม้ว่านักบัญชีที่จบใหม่ได้ถูกสอนให้เรียนรู้ในวงจรการจัดทำบัญชี แต่อย่างไรก็ดี ก็ควรสอนให้นักบัญชีจบใหม่เข้าใจลำดับขั้นตอนวงจรในการจัดทำบัญชีให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ซึ่งประกอบด้วยอะไรบ้าง
ความหมายของการจัดการคลังสินค้า (Introduction to Warehouse Management)คลังสินค้า หมายถึง พื้นที่ที่ได้วางแผนแล้วเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ ในการใช้สอยและการเคลื่อนย้ายสินค้าและวัตถุดิบ โดยคลังสินค้าทำหน้าที่ในการเก็บสินค้า ระหว่างกระบวนการเคลื่อนย้ายเพื่อสนับสนุนการผลิตและการกระจายสินค้า ซึ่งสินค้าที่เก็บในคลังสินค้าสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่1. วัตถุดิบ (Material) ซึ่งอยู่ในรูป วัตถุดิบ ส่วนประกอบและชิ้นส่วนต่างๆ2. สินค้าสำเร็จรูปหรือสินค้า จะนับรวมไปถึงงานระหว่างการผลิต ตลอดจนสินค้าที่ต้องการทิ้งและวัสดุที่นำมาใช้ใหม่
เอกสารประกอบการบันทึกค่าใช้จ่ายแบบไหนที่ไม่สามารถใช้ได้
รายการที่นิติบุคคลสามารถนำมาลดหย่อนภาษีจุดมุ่งหมายเช่นเดียวกับ การลดหย่อนภาษีสำหรับบุคคลธรรมดา ทั้งนี้เพื่อให้การชำระภาษีในปีนั้น ๆ มีจำนวนน้อยลง เพราะมีการหักค่าใช้จ่ายในแต่ละปีภาษีมากขึ้น ต่างกันเพียงแค่รายการที่นิติบุคคลสามารถนำมาลดหย่อนแตกต่างจากบุคคลธรรมดาเท่านั้น โดยรายการที่นิติบุคคลสามารถนำมาลดหย่อนได้ มีดังนี้
ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกองค์กรธุรกิจ เป็นโอกาสที่จะเกิดความผิดพลาด ความเสียหาย การรั่วไหล ความสูญเปล่าหรือเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคต และมีผลกระทบ ที่จะทำให้การดำเนินงานไม่ประสบความสำเร็จหรือบรรลุตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร ที่กำหนดไว้ งานบัญชีเป็นงานที่มีความสำคัญมากของทุกองค์กร มีความเกี่ยวข้องกับข้อมูลบัญชีและ การเงิน ซึ่งต้องมีความถูกต้องสำหรับผู้ประกอบการนำไปใช้ในการตัดสินใจ และมีความน่าเชื่อถือ สำหรับบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามงานบัญชีก็มีความเสี่ยงต่อการเกิดข้อผิดพลาดซึ่งจะก่อ ให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร ผู้ประกอบการจะรับมือกับความเสี่ยงในงานบัญชีได้อย่างไร บทความนี้ มีคำตอบ

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์