คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย

คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภาษีหัก ณ ที่จ่าย ทั้งจากผู้ประกอบการ และนักบัญชีเองนั้นมีมากมายหลากหลายคำถาม ในบทความนี้ เราได้สำรวจและรวบรวม 5 คำถามยอดฮิต พร้อมคำตอบมาให้เพื่อนๆ กันค่ะ คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายที่ว่านั้น จะมีเรื่องอะไรบ้างลองไปดูกันค่ะ

1.ทำไมต้องมีภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย?
การที่มีภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย จะช่วยบรรเทาภาระภาษีของผู้มีเงินได้ เช่น นาย ก. มีรายได้จากการเป็นลูกจ้างที่บริษัทแห่งหนึ่งทุก ๆ เดือนเงินได้รวมทั้งปีอาจจะเป็น 1 ล้านบาท พอสิ้นปีถ้าไม่โดนหัก ณ ที่จ่ายเลยจะต้องมาเสียภาษีครั้งสุดท้ายตอนสิ้นปีเป็นจำนวนมาก ดังนั้นก็อาจทำให้สภาพคล่องทางการเงินผู้เสียภาษีลดลงไปได้ ในส่วนของรัฐ รัฐเก็บภาษีล่วงหน้า มีรายได้เข้าคลังอย่างสม่ำเสมอเพราะว่าภาษีหัก ณ ที่จ่ายผู้ที่หัก ณ ที่จ่ายจะต้องนำส่งทุก เดือน ดังนั้นรายได้ที่เข้าสู่คลังก็จะเข้ามาอย่างสม่ำเสมอทุก ๆ เดือน หรืออีกนัยนึง มีการจัดเก็บภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เพราะจะช่วยลดการหลีกเลี่ยงภาษีในภายหลังได้

2.ภาษีหัก ณ ที่จ่าย คืออะไร?
ภาษีหัก ณ ที่จ่าย ก็คือ “เงิน” ที่ผู้จ่ายเงิน “หัก” ไว้ก่อนที่จะจ่ายให้กับผู้รับเงิน แล้วเอาเงินนั้นไปให้กับรัฐ นั่นทำให้ผู้รับเงินไม่ได้รับเงินเต็มจำนวน แต่จะได้เงินบวกกระดาษแผ่นนึงที่เรียกว่า “หนังสือรับรองหัก ณ ที่จ่าย” ส่วนผู้จ่ายเงินยังต้องจ่ายเต็ม เพียงแต่จ่ายให้กับผู้รับเงินโดยตรงส่วนนึง แล้วให้สรรพากรอีกส่วนนึง

3.ใครมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย และใครนำส่งสรรพากร?
หลายคนอาจคิดว่าเฉพาะบริษัท หรือนิติบุคคลเท่านั้นที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย แต่จริงๆแล้ว การหักภาษี ณ ที่จ่ายนั้นขึ้นอยู่กับประเภทรายการที่จ่ายออกไป เช่น การจ่ายเงินเดือน ค่าจ้าง ดังนั้นแม้ว่า จะเป็นบุคคลธรรมดา เช่น เปิดร้านแต่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล มีพนักงาน จ้างคนมาเฝ้าร้าน ก็ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายกรณีที่จ่ายค่าจ้างและนำส่งสรรพากรเนื่องจากเข้าเกณฑ์ที่ต้องหัก กล่าวคือ ผู้ที่จะต้องจ่ายภาษีหัก ณ ที่จ่าย คือผู้จ่ายเงินที่เป็นบุคคลธรรมดา ผู้ประกอบการทั่วไป บริษัทห้างร้าน สมาคม จนถึงองค์กรของรัฐ ขึ้นอยู่กับจ่ายเป็นค่าอะไร และผู้ที่ถูกหักนั้น ต้องเสียภาษีหรือไม่

4.ใครที่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย?
“ผู้ที่ต้องเสียภาษีทุกคนต้องถูกหัก”  ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ตาม อีกนัยนึงคือ ถ้าคุณไม่เข้าข่ายที่จะต้องเสียภาษี ก็ไม่จำเป็นต้องถูกหัก ณ ที่จ่ายค่ะ ซึ่งคุณสามารถบอกคู่ค้า หรือผู้ที่จ่ายเงินไว้ก่อนว่าไม่จำเป็นต้องหัก ณ ที่จ่ายนะ หรือถ้าถูกหักไว้แล้ว สามารถขอคืนได้ เช่น ประกอบธุรกิจที่ได้  BOI หรือมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี พวกนี้ไม่ต้องเสียภาษี ก็ไม่ต้องถูกหัก ณ ที่จ่าย

5.หักภาษี ณ ที่จ่าย ต้องหักเมื่อไร?
มื่อจ่ายเงินที่เกิน 1,000 บาทในคราวเดียว หรือหลายคราวรวมกันก็แล้วแต่ เช่น ถ้าแบ่งจ่ายบริการมูลค่า 1,200 บาท 2 ครั้ง ครั้งละ 600 บาท คุณต้องหักไว้ทั้ง 2 ครั้งด้วย แม้แต่ละครั้งจะไม่เกิน 1,000 บาท

ตัวอย่างรายการที่ต้องหัก และนำส่ง ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย  

1.เงินเดือน ค่าจ้าง (เงินได้ประเภทที่ 1)
2.จ้างทำงานให้ (เงินได้ประเภทที่ 2)
3.ค่าเช่า (เงินได้ประเภทที่ 5)
4.จ้างบริการวิชาชีพอิสระ (เงินได้ประเภทที่ 6)
5.จ้างทำของ/จ้างรับเหมา/บริการต่างๆ (เงินได้ประเภทที่ 7/8)
6.ค่าโฆษณา (เงินได้ประเภทที่ 8)
7.ค่าขนส่ง (เงินได้ประเภทที่ 8)



ที่มา : thaicpdathome.com
 2454
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

มรรยาท (จรรยาบรรณ) ของ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต กฎกระทรวงฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2534) ออกตามความในพระราชบัญญัติผู้สอบบัญชี พ.ศ.2505 ได้กำหนดมรรยาทของผู้สอบบัญชี ไว้ 5 หมวด คือ รายละเอียดข้อกำหนดและคำชี้แจง แต่ละหมวด มีดังต่อไปนี้
e-Withholding Tax (e-WHT) หรือภาษีหัก ณ ที่จ่าย เป็นบริการที่กรมสรรพากรพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มความสะดวกลดขั้นตอนให้แก่ผู้ที่มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายทำการนำส่งเงินภาษีต่อกรมสรรพากร โดยมีธนาคารเป็นตัวกลางในการนำส่งข้อมูลและส่งเงินภาษีให้กับกรมสรรพากร โดยที่ผู้ประกอบการไม่ต้องจัดทำหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ดังนั้น ประโยชน์ที่เราจะเห็นได้ชัดเจนเลยก็คือ
สิ่งสำคัญต่อไปที่ต้องทำในการจัดระบบบัญชีเพื่อการจัดการ คือการเลือกหาโปรแกรมบัญชีที่เหมาะสมกับธุรกิจของเรามาใช้ เพื่อความมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ประหยัดคนและประหยัดเวลา การเลือกโปรแกรมบัญชี ท่านจะต้องเปิดโอกาสให้ทีมงานที่เกี่ยวข้องของท่านได้มีส่วนร่วมในการสรรหาด้วยเพราะเคยเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆว่าผู้บริหารเป็นผู้เลือกและตัดสินใจพอซื้อเสร็จก็โยนให้ฝ่ายบัญชีไปใช้ปรากฎว่าฝ่ายบัญชีรู้สึกว่าถูกบังคับก็เลยเกิดการต่อต้านหรือเกิดความไม่ชอบและไม่ให้ความร่วมมือจนในที่สุดก็กลายเป็นความล้มเหลว ปัจจัยที่จะต้องพิจารณาในการเลือกโปรแกรมบัญชีมีดังนี้
บัญชีกระแสรายวัน คือประเภทบัญชีออมทรัพย์ของธนาคารประเภทหนึ่ง ที่ผู้ใช้จำเป็นต้องประกอบกิจการต่างๆ และจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลหรือพาณิชย์ โดยเป็นเครื่องมือสำหรับช่วยจัดการเรื่องการเงินในเชิงธุรกิจให้สำเร็จได้อย่างง่ายๆ รวมทั้งทำให้เราไม่ต้องพกเงินสดจำนวนมากๆ โดยเฉพาะเวลาจะทำการโอนหรือจัดการด้านธุรกิจต่างๆ ด้วยวงเงินจำนวนมาก เหมาะสำหรับใช้เป็นบัญชีเงินหมุนเวียน และใช้ออกเช็คในการเบิกจ่ายเงิน โดยสามารถขอเบิกเงินเกินบัญชีได้ ซึ่งทางธนาคารจะคิดดอกเบี้ยเพียงส่วนที่เราเบิกเงินเกินเท่านั้น แต่เป็นประเภทบัญชีที่ไม่ได้รับดอกเบี้ย
ก่อนที่จะนำรายได้ต่างๆ มาคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ก่อนอื่นต้องดูก่อนว่ารายได้เป็นรายได้ประเภทไหน สามารถหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีได้เท่าไหร่ มีค่าลดหย่อนอะไรบ้าง
ผู้ใช้ข้อมูลทางการบัญชีมีหลายฝ่ายไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารกิจการ เจ้าหนี้ นักลงทุน หน่วยงานของรัฐบาล หรืออื่น ๆ ซึ่งในบางครั้งบุคคลที่ใช้ข้อมูลทางการบัญชีเหล่านี้มีความต้องการที่จะใช้ข้อมูลทางการบัญชีในทิศทางที่แตกต่างกัน เช่น ผู้บริหารต้องการแสดงผลการดำเนินงานที่มีกำไรน้อยกว่าความเป็นจริงหรือขาดทุน เพื่อที่จะได้เสียภาษีน้อยลง หรือไม่เสียภาษีเลย ในทางตรงกันข้ามกรมสรรพากรซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลที่มีหน้าที่จัดเก็บภาษีก็ต้องการให้แสดงข้อมูลตามความเป็นจริง เพื่อจะได้จัดเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง รัฐบาลจะได้นำเงินมาพัฒนาประเทศต่อไป

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์