การคำนวณต้นทุนการผลิตแบบง่าย

การคำนวณต้นทุนการผลิตแบบง่าย



การคำนวณต้นทุนเป็นส่วนหนึ่งของระบบบัญชีและการเงินของกิจการ เป็นการบันทึกการวัดผลและรายงานข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนของสินค้าของกิจการ โดยทั่วไปการคำนวณต้นทุนจะใช้เวลาและลงรายละเอียดมากในกิจการที่ผลิตสินค้า แต่ไม่ได้หมายความว่ากิจการประเภทอื่นเช่นกิจการขายส่ง ขายปลีก ร้านอาหารหรือบริการต่างๆไม่มีความสำคัญในการที่ต้องคำนวณต้นทุนเลย การคำนวณต้นทุนสามารถนำไปใช้ได้ในทุกกิจการเพราะมีความสำคัญต่อการบริหารจัดการธุรกิจดังนี้

     1. เพื่อให้ทราบถึงต้นทุนการผลิตและต้นทุนขายของธุรกิจ

     2. เพื่อสามารถนำต้นทุนทั้งหมดของกิจการมาเปรียบเทียบกับรายได้จากการขายเพื่อจะได้ทราบว่ามีกำไรหรือขาดทุนในการขายสินค้า

     3. เพื่อคำนวณหรือตีราคาสินค้าคงเหลือที่ขายได้ไม่หมดว่ามีมูลค่าเท่าไหร่

     4. เพื่อใช้ในการวางแผนและควบคุมการซื้อสินค้าและจัดทำงบประมาณในการซื้อสินค้า รวมทั้งต่อรองราคากับผู้ขายวัตถุดิบ

     5. เพื่อใช้ในการตัดสินใจว่าสินค้าใดควรขายต่อไปและสินค้าใดควรเลิกขาย (ในกรณีที่ผู้ผลิตมีสินค้าหลายชนิด)

ต้นทุนแบ่งออกได้เป็น 2 ลักษณะ

     1. ต้นทุนผันแปร คือต้นทุนที่ผันแปรตามจำนวนหน่วยที่ผลิตหรือขาย เช่น วัตถุดิบ ค่าแรงทางตรง ค่าใช้จ่ายในการผลิตทางตรงเป็นต้น

     2. ต้นทุนคงที่คือต้นทุนที่เกิดขึ้นไม่ว่ากิจการจะได้ขายสินค้าหรือไม่ ต้นทุนนี้จะไม่เปลี่ยนแปลงตามจำนวนหน่วยที่ผลิตหรือขาย เช่น เงินเดือนพนักงานหน้าร้าน ค่าเช่าร้าน ค่าเสื่อมราคา ค่าประกันภัย เป็นต้น

   ดังนั้นต้นทุนการผลิตจะประกอบไปด้วยวัตถุดิบ+ค่าแรงงาน + ค่าใช้จ่ายในการผลิต ซึ่งทั้งสามรายการนี้เป็นเพียงส่วนของการผลิตเท่านั้น หากเราจะคิดต้นทุนรวมของสินค้าแล้วเราจำเป็นต้องนำค่าใช้จ่ายในการขายและดำเนินการมารวมด้วยเช่น เงินเดือน , ค่าคอมมิชชั่นพนักงานขาย, ค่าแรงพนักงานขายหน้าร้าน, ค่าการตลาด (โฆษณา,แผ่นพับ), ค่าเช่าสำนักงานและร้าน, ค่าไฟฟ้าและน้ำประปา, ค่าโทรศัพท์, ค่าน้ำมันรถ,ดอกเบี้ย, ค่าเช่ารถ, ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด ฯลฯ เพื่อการคำนวณต้นทุนให้ใกล้เคียงความจริง หากเราคำนวณแค่วัตถุดิบ ค่าแรงงานและค่าน้ำค่าไฟฟ้า ก็อาจทำให้เราได้ต้นทุนสินค้าที่น้อยกว่าความเป็นจริงและมีผลทำให้ตั้งราคาขายที่ต่ำไปและอาจขาดทุนได้

วิธีการคำนวณหาต้นทุนการผลิตแบบง่ายมีสูตรดังนี้

   การคำนวณแบบง่ายๆนี้เหมาะกับผู้ประกอบการรายเล็กที่มีสินค้าหรือผลิตภัณฑน้อยชนิด อาจขายเพียงน้ำพริก หรือแชมพูก็ได้ ซึ่งเหมาะกับการคำนวณสินค้าประเภทโอทอปที่มีความชัดเจนในเรื่องการใช้วัตถุดิบ ค่าแรงงานต่อรอบการผลิตและไม่มีการเก็บสต๊อกวัตถุดิบไว้ การคำนวณจำเป็นต้องคิดเพื่อให้ทราบถึงต้นทุนผลิตต่อหน่วย และนำต้นทุนผลิตไปรวมกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพื่อให้ทราบถึงต้นทุนรวมของสินค้าอีกครั้งหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น

   ป้าแจ๋ว ผลิตและขายส่งกล้วยตากในราคากล่องละ 20 บาท โดยมีรายได้จากการขายเดือนละ 12,000 บาท (ขาย 600 กล่องต่อเดือน) ป้าแจ๋วมีการบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2560 ดังนี้

ต้นทุนการผลิตและค่าใช้จ่ายกล้วยตากในเดือนเมษายน 2560

วันที่ รายการ จำนวน หน่วยละ จำนวนเงิน รวม(บาท) หมายเหตุ
  ค่าวัตถุดิบ          
3
3
3
3
10
10
10
17
17
17
25
25
25
-
ซื้อกล้วยน้ำว้า
น้ำตาลทราย
น้ำผึ้ง
ซื้อกล่องพลาสติก
ซื้อกล้วยน้ำว้า
น้ำตาลทราย
น้ำผึ้ง
ซื้อกล้วยน้ำว้า
น้ำตาลทราย
น้ำผึ้ง
ซื้อกล้วยน้ำว้า
น้ำตาลทราย
น้ำผึ้ง
รวมค่าวัตถุดิบ
150 หวี
5 กก.
3 ขวด
400 ใบ
150 หวี
5 กก.
3 ขวด
150 หวี
5 กก.
3 ขวด
150 หวี
5 กก.
3 ขวด
-
4
15
60
1
4
15
60
4
15
60
4
15
60
-
600
75
180
400
600
75
180
600
75
180
600
75
180
-
-
-
-
1,255.00
-
-
855.00
-
-
855.00
-
-
855.00
3,820.00
 
  ค่าแรงงาน          
6
6
13
13
20
20
27
27
-
จ่ายพี่น้อย
จ่ายตัวเอง
จ่ายพี่น้อย
จ่ายตัวเอง
จ่ายพี่น้อย
จ่ายตัวเอง
จ่ายพี่น้อย
จ่ายตัวเอง
รวมค่าแรงงาน
2 วัน
3 วัน
2 วัน
3 วัน
2 วัน
3 วัน
2 วัน
3 วัน
-
100
100
100
100
100
100
100
100
-
200
300
200
300
200
300
200
300
-
-
500.00
-
500.00
-
500.00
-
500.00
2,000.00
 
  ค่าใช้จ่ายในการผลิต          
3
5
9
16
23
30
-
ซื้อสก๊อตเทป
ถุงพลาสติก
ค่ารถไปส่งของ
ค่ารถไปส่งของ
ค่ารถไปส่งของ
ค่ารถไปส่งของ
รวมค่าใช้จ่ายในการผลิต
12 ม้วน
2 กก.
1 ครั้ง
1 ครั้ง
1 ครั้ง
1 ครั้ง
-
15
80
100
100
100
100
-
180
160
100
100
100
100
-
-
-
-
-
-
-
740.00
 
  ค่าใช้จ่ายในการขายและดำเนินการ          
20
21
-
ค่าไฟฟ้า
ค่าน้ำประปา
รวมค่าใช้จ่ายในการขายและดำเนินการ
1 เดือน
1 เดือน
-
500
150
-
500
150
-
-
-
650.00
 

 

รายได้จากการขายกล้วยตากในเดือนเมษายน 2560

วันที่ รายการ จำนวน หน่วยละ จำนวนเงิน รวม(บาท) หมายเหตุ
9
16
23
30
-
ซื้อกล้วยน้ำว้า
น้ำตาลทราย
น้ำผึ้ง
ซื้อกล่องพลาสติก
รวมยอด
150 กล่อง
150 กล่อง
150 กล่อง
150 กล่อง
-
20
20
20
20
-
3,000
3,000
3,000
3,000
-
-
-
-
-
12,000.00
 

 

   จากตัวอย่างข้างต้นเราสามารถคำนวณต้นทุนการผลิตของกล้วยตากได้ดังนี้

   ต้นทุนการผลิต = (วัตถุดิบ+ค่าแรง+ค่าใช้จ่ายในการผลิต) /จำนวนหน่วยที่ผลิตได้

                 = (3,820+2,000+740) = 6,560 / 600 กล่อง

   ต้นทุนการผลิตต่อหน่วย = 6,560/600 = 10.93 บาทต่อกล่อง

   หากป้าแจ๋วต้องการทราบถึงต้นทุนรวมสินค้าก็จะต้องนำค่าใช้จ่ายในการขายและดำเนินการมาใส่ด้วยซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้ส่วนใหญ่มักจะเป็นค่าใช้จ่ายคงที่ ไม่ค่อยขึ้นลงตามการผลิตมากนัก เพื่อการตั้งราคาที่ทำให้ไม่ขาดทุน ผู้ประกอบการควรนำมาคำนวณเป็นต้นทุนรวมสินค้าภายหลังจากการคำนวณต้นทุนการผลิตต่อหน่วยแล้ว

สูตรการคำนวณทั้งจำนวน

                               = (6,560+650) = 7,210 /จำนวนหน่วยที่ผลิต

ต้นทุนรวมของสินค้าต่อหน่วย  = 7,210/600 = 12.02 บาท ต่อกล่อง

   จากการคำนวณแบบง่ายๆนี้ทำให้ป้าแจ๋วทราบว่าหากขายได้เดือนละ 600 กล่องจะมีต้นทุนสินค้า 12.02 บาทและมีต้นทุนลิต 10.93 บาท การที่ป้าแจ๋วตั้งราคาขายไว้ที่ 20 บาทต่อกล่องจึงทำให้ป้าแจ๋วได้กำไรประมาณกล่องละ 8 บาทจะมีกำไรต่อเดือนประมาณ 4800 บาท

   ผู้ประกอบการที่ยังไม่เคยคำนวณต้นทุนผลิตและต้นทุนรวมสินค้าไว้ ลองฝึกจดบันทึกค่าใช้จ่ายทั้งหมด ค่าวัตถุดิบ ค่าแรงงาน ให้ได้อย่างน้อย 1 เดือนเพื่อนำตัวเลขในเดือนที่จดบันทึกมาคำนวณหาต้นทุนที่แท้จริงของสินค้าตนเองเพื่อจะได้ไม่ขาดทุนเพราะการตั้งราคาขายที่ต่ำไป

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิ๊ก!!


บทความโดย : https://bsc.dip.go.th

 56157
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

สิ่งสำคัญต่อไปที่ต้องทำในการจัดระบบบัญชีเพื่อการจัดการ คือการเลือกหาโปรแกรมบัญชีที่เหมาะสมกับธุรกิจของเรามาใช้ เพื่อความมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว ประหยัดคนและประหยัดเวลา การเลือกโปรแกรมบัญชี ท่านจะต้องเปิดโอกาสให้ทีมงานที่เกี่ยวข้องของท่านได้มีส่วนร่วมในการสรรหาด้วยเพราะเคยเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆว่าผู้บริหารเป็นผู้เลือกและตัดสินใจพอซื้อเสร็จก็โยนให้ฝ่ายบัญชีไปใช้ปรากฎว่าฝ่ายบัญชีรู้สึกว่าถูกบังคับก็เลยเกิดการต่อต้านหรือเกิดความไม่ชอบและไม่ให้ความร่วมมือจนในที่สุดก็กลายเป็นความล้มเหลว ปัจจัยที่จะต้องพิจารณาในการเลือกโปรแกรมบัญชีมีดังนี้
เรามาดูตัวอย่างง่ายๆ กันว่า ประเด็นต่างๆเหล่านี้ มีอยู่ในงบการเงินของท่านหรือไม่
การบัญชีในปัจจุบันมีบทบาทสำคัญต่อทุกๆกิจการ การทำงานของบัญชีก็มีหลายส่วนงานด้วยกัน ซึ่งส่วนงานที่สำคัญของบัญชีก็คือการออกงบการเงิน ในงบการเงินประกอบด้วย 5 งบที่สำคัญคือ
เมื่อธุรกิจขาดทุน สำหรับบุคคลธรรมดาจะต้องเสียภาษีขั้นต่ำอัตรา 0.5% ของเงินได้ ถ้าภาษีที่คำนวนได้ไม่ถึง 5,000 บาท ได้รับยกเว้นภาษีและผลขาดทุนสะสมไม่สามารถยกไปหักกับเงินได้ในปีถัดไป แต่สำหรับนิติบุคคลเมื่อขาดทุนจะไม่เสียภาษีและผลขาดทุนสามารถนำไปหักจากกำไรในปีอื่นได้ไม่เกิน 5 ปี
การจัดทำรายงานเงินสดรับ-จ่าย ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 161) กำหนดให้ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และมีเงินได้พึงประเมิน ตาม มาตรา 40(5)-(8) แห่งประมวลรัษฎากร เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษีอากร

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์